‘กรณ์’ ชี้ ‘ผังเมืองใหม่กรุงเทพฯ’ เอื้อทุนอสังหาริมทรัพย์ วอนชาวกรุงตื่นรู้สู้ไปด้วยกัน ไม่ต้องหวังผู้มีอำนาจมาช่วย

(27 ธ.ค.66) ว่าด้วยผังเมืองกรุงเทพฯ…ในยุคที่ผู้มีอำนาจทั้งสองล้วนมาจากอาชีพสร้างคอนโด และท่านผู้ว่าฯ ยังได้แต่งตั้งนักพัฒนาอสังหาฯ มาเป็นทั้งรองผู้ว่าฯ และที่ปรึกษาที่ยังสามารถสลับร่างไปมาในการบริหารจัดการ ทำธุรกิจอสังหาฯ ควบคู่หน้าที่ทางราชการไปได้อย่างน่าฉงน  

ทั้งนี้ นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘กรณ์ จาติกวณิช - Korn Chatikavanij’ โดยมีเนื้อหาดังนี้…

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทางกทม.ได้จัดการประชุมรับฟังความเห็นประชาชน เรื่อง การร่างผังเมืองรวมกรุงเทพฯ (ปรับปรุงครั้งที่ 4) ในส่วนพื้นที่กรุงเทพฯใต้ ณ สำนักงานเขตคลองเตย 

ประชาชนชาวกรุงเทพฯ รู้เรื่องนี้กันน้อยมาก และถึงรู้ว่ามีงานนี้ก็อาจจะไม่เข้าใจว่ามีความสำคัญต่ออนาคตความเป็นอยู่ของเราอย่างไร

ซึ่งคำตอบคือสำคัญมาก!!

ยกตัวอย่างเช่น อาจจะมีการเปลี่ยนโซนการใช้พื้นที่รอบข้างบ้านคุณ จากโซนอยู่อาศัยเป็นโซนพาณิชย์ก็ได้

ซึ่งจากที่ได้รับฟังและติดตามที่คณะผู้จัดทำได้บรรยายมา ผมมีความเห็นว่าแทบทุกการปรับเปลี่ยนที่สำคัญที่ทางกทม.เสนอ ล้วนมีเจตนาปรับเพื่อช่วยสนับสนุนกิจการของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งสิ้น!! 

ผมขอยกตัวอย่าง 2 ข้อเสนอ ของทาง กทม.ดังนี้

1. กทม. จะเพิ่มขนาดถนนรอง โดยอ้างว่าเพื่อสนับสนุนการเข้าถึงระบบรถไฟฟ้า และช่วยแก้ไขปัญหาการจราจร ซึ่งฟังไม่ขึ้น เพราะจากพิกัดบริเวณที่กำหนดให้ถนนแทรกขยาย ผ่าชุมชนเข้าไปบางพื้นที่นั้น ทำให้ผมเชื่อว่าวัตถุประสงค์หลักคือเพื่อกำจัดอุปสรรคในการสร้างตึกสูงเพิ่มเติมเข้าไปในย่านชุมชนที่มีถนนเล็กซอยแคบ (ปัจจุบันหลายโครงการติดเงื่อนไขระยะความกว้างของซอย) 

กทม. ได้ขีดเส้นวางแนวการตัดขยายถนนไว้ถึง 148 สาย ความยาวกว่า 600 กม. หากตรงนี้ผ่านได้ จะนำไปสู่การรุกคืบโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่เข้าไปในหลายชุมชน หลายซอย ทั่วเมือง (โดยที่การขยายให้ถนนกว้างกว่า 10 ม. ซึ่งมีผลมากต่อการสร้างตึกสูง จะไม่ต้องมาจากการเวนคืนด้วยซ้ำ แต่จะเป็นการให้เอกชนร่นพื้นที่ตนเอง พูดง่ายๆ คือประโยชน์สาธารณะแทบไม่มี)

2. กทม. เสนอมาตรการ ‘FAR. Bonus’ คือ การเพิ่มสิทธิก่อสร้างอาคารให้สามารถเพิ่ม ‘อัตราส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดิน’ (FAR.-Floor Area Ratio) ได้ถึง 20% จากเดิม แลกกับการอุทิศบางสิ่งที่ กทม. กำหนดว่าจะเป็นประโยชน์กับประชาชนทั่วไป เช่น สวนหย่อมบนหลังคาตึก, สวนแนวตั้ง, การจัดให้มีพื้นที่ว่าง หรือเจียดพื้นที่เสมือนสาธารณะบางส่วนของโครงการ เพื่อประโยชน์แก่สาธารณะ ฯลฯ ที่ล้วนเป็นมาตรการที่ประโยชน์สาธารณะน้อย แต่ประโยชน์ของผู้ประกอบการมีมูลค่ามหาศาล ที่สุดมาตรการนี้จะทำให้เกิดโครงการลูบหน้าปะจมูกเพื่อเป็นข้ออ้างสิทธิสร้างตึกให้ใหญ่ขึ้น จะเปิดช่องการใช้วิจารณญาณของเจ้าหน้าที่ และการทุจริตคอร์รัปชั่นมากมาย ที่จะควบคู่ตามมาจากวิถีปฏิบัติที่เห็นกันต่อเนื่องมาในเรื่องการขาดการกำกับ ตรวจสอบ การบังคับใช้กม.ไปจนถึงการลงโทษในกรณีที่ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง

เรื่องทั้งหมดนี้คนกรุงเทพฯ ต้องสู้เองนะครับ อย่าหวังผู้มีอำนาจมาช่วย เพราะไม่ว่าจะเป็นท่านผู้ว่าฯ หรือแม้แต่ท่านนายกฯ ทั้งสองท่านจะเก่งจะดีอย่างไรก็ตาม ผมก็ยังกังวลว่า ที่สุดแล้วท่านจะเข้าข้างบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (ผมหวังจากใจว่าประเมินทั้งสองท่านผิดในกรณีนี้) 

ท่านทั้งสอง ล้วนมาจากอาชีพสร้างคอนโด และท่านผู้ว่าฯ ยังได้แต่งตั้งนักพัฒนาอสังหาฯ มาเป็นทั้งรองผู้ว่าฯ และที่ปรึกษา ที่ยังสามารถสลับร่างไปมาในการบริหารจัดการ ทำธุรกิจอสังหาฯ ควบคู่หน้าที่ทางราชการไปได้อย่างน่าฉงน  

ผมจึงคิดว่าชาวกรุงเทพฯ วางใจไม่ได้ ต้องสู้ร่วมกันครับ