ผบ.ตร. สั่งเพิ่ม มอบ จเรตำรวจ ประสานข้อมูลสอบสวนกลาง เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี “ส่วยทางหลวง”พร้อมรับข้อมูลจากเอกชนทุกช่องทาง กำชับดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา หากพบตำรวจเกี่ยวข้องให้ลงโทษเด็ดขาด

วันนี้ (29 พ.ค. 66 ) พล.ต.ท. อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า “กรณีที่มีการกล่าวอ้างว่ามีการติดสติ๊กเกอร์ที่รถบรรทุก เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่ามีการจ่ายเงินเจ้าหน้าที่เพื่อให้รถบรรทุกสามารถบรรทุกน้ำหนักเกินได้ หรือเป็นลักษณะ “ส่วยรถบรรทุก” ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้จเรตำรวจ ลงตรวจสอบกรณีดังกล่าวโดยเร่งด่วน ว่ามีข้าราชการตำรวจหน่วยใด กระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวหรือไม่ อย่างไร

พร้อมให้รายงานกลับมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยเร็ว โดยให้ประสานข้อมูลกับทางตำรวจสอบสวนกลาง ตรวจสอบหน่วยงานในสังกัดอีกทางหนึ่ง พร้อมรับข้อมูลจากสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย และภาคเอกชนทุกช่องทาง ผบ.ตร.ได้กำชับให้ตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา หากพบว่ามีข้าราชการตำรวจหรือบุคคลใดทุจริตในเรื่องดังกล่าว หรือเข้าไปเกี่ยวข้องในการกระทำผิดกฎหมาย

หรือให้การช่วยเหลือ สนับสนุน ปล่อยปละละเลย ให้สืบสวนรวบรวมหลักฐานตามอำนาจหน้าที่ แล้วรายงานข้อเท็จจริงให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาดำเนินการต่อไป หากพบว่าเกี่ยวข้องกับผู้ใด จะดำเนินการตามกระบวนการ ทั้งทางวินัย อาญา และปกครอง อย่างเด็ดขาดตามนโยบายด้วย”

นอกจากนี้ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า  “ผบ.ตร. ได้กำชับการปฏิบัติของตำรวจที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศ ให้ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ บังคับใช้กฎหมายกับผู้ขับขี่รถบรรทุกที่กระทำผิดกฎหมาย  และได้สั่งการเพิ่มเติมว่า พร้อมที่จะรับฟังข้อมูล พยานหลักฐาน เอกสารการร้องเรียนจากทุกภาคส่วน เพื่อดำเนินการกับขบวนการส่วยรถบรรทุกอย่างเด็ดขาด

โดยสามารถแจ้งข้อมูลมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยตรง หมายเลข 1599 หรือ จเรตำรวจ ผ่านระบบ JCOMS

หรือแจ้งร้องเรียนเพิ่มเติมตามช่องทาง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 มาตรา 43 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 17 ต.ค.65  ในการร้องเรียนข้าราชการตำรวจประพฤติมิชอบ หรือได้รับความเดือดร้อน ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการกระทำของตำรวจ หรือเห็นว่าตำรวจประพฤติไม่เหมาะสม เสื่อมเสียเกียรติของตำรวจ กระทำผิดวินัย หรือละเมิดประมวลจริยธรรมและจรรยาบรรณของตำรวจ สามารถทำหนังสือร้องเรียน แจ้งไปยังคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ (ก.ร.ตร.)

ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้แต่งตั้งจากบุคคลดังต่อไปนี้ 1)ผู้ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินและคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติร่วมกันคัดเลือกหนึ่งคน 2)ผู้ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งตั้งแต่ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์หรือเทียบเท่าขึ้นไป และได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการข้าราชการตุลาการหนึ่งคน 3)ผู้ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งระดับอัยการพิเศษฝ่ายหรือเทียบเท่าขึ้นไป และได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการอัยการหนึ่งคน 4)ผู้ซึ่งเคยรับราชการตำรวจระดับผู้บัญชาการหรือเทียบเท่าขึ้นไปจำนวน 3 คน ที่ผ่านการคัดเลือกของ ก.ตร. 5)ทนายความซึ่งประกอบวิชาชีพทนายความมาไม่น้อยกว่า 20 ปี ซึ่งสภาทนายความคัดเลือกมาหนึ่งคน 6)ผู้แทนระดับจังหวัดของสภาองค์กรชุมชนตำบลจำนวนสองคน

ซึ่งที่ประชุมระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนฯคัดเลือก โดยให้อย่างน้อยหนึ่งคนเป็นสตรี  คณะกรรมการ ก.ร.ตร. จะมีจเรตำรวจแห่งชาติเป็นกรรมการและเลขาฯ

โดยเมื่อได้รับเรื่องแล้ว ก.ร.ตร.จะพิจารณาไต่สวนข้อเท็จจริง หากพบเป็นความผิดวินัยจะส่งให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาลงโทษโดยเร็ว โดยไม่ต้องสืบสวนสอบสวนอีก แต่หากพบว่าเป็นการทุจริตต่อหน้าที่จะส่งให้ ป.ป.ช. หรือ ป.ป.ท. แล้วแต่กรณีดำเนินการต่อไป
การร้องเรียนผ่าน ก.ร.ตร.จะเกิดความเป็นธรรม โปร่งใสในการตรวจสอบ ให้กับประชาชนตามเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ. ตำรวจฉบับใหม่  

โดยสามารถร้องเรียนได้ 5 ช่องทางด้วยกัน
1) ผ่านระบบ JCOMS รับร้องเรียนจเรตำรวจทางออนไลน์  http://www.jcoms.police.go.th
2) สายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โทร.1599
3) ร้องเรียนด้วยตนเองที่สำนักงานจเรตำรวจ ที่อยู่ 701/701 ถ.รามอินทรา แขวงท่าแร้ง บางเขน  กรุงเทพมหานคร 10220 โทร.025098798
4) ส่งหนังสือมาถึง “ฝ่ายรับเรื่องราวร้องทุกข์ กองบังคับการอำนวยการ สำนักงานจเรตำรวจ เลขที่  701/701 ถ.รามอินทรา แขวงท่าแร้ง บางเขน  กรุงเทพมหานคร 10220”
5) ร้องเรียนกับผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดหน่วยโดยตรง
ทั้งนี้จเรตำรวจในฐานะเลขา ก.ร.ตร.จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป”