'ชูวิทย์' ลั่น!! การเมืองปทุมธานีเเตกเเยก ผู้มีอิทธิพลครองเมือง ชาวบ้านหวาดกลัว

(12 พ.ค. 66) จากกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ลงพื้นที่ช่วยนางสาวณัฐธิดา เกียรติพัฒนาชัยผู้สมัครเขต 4 ปทุมธานีหาเสียง เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 66 แล้วมีกรณีภาพปรากฏร่วมกับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกอบจ.ปทุมธานี จนทำให้หลายคนจับตาไปที่กระแสข่าวลือการย้ายพรรคของ 'บิ๊กแจ๊ส' แต่หลังจากนั้นไม่นานบิ๊กแจ๊สได้ออกมาตอบชัดว่าไม่ทิ้งพี่ทักษิณไปไหนแน่นอนนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ได้ให้สัมภาษณ์กับ THE STATES TIME ว่า ตนรู้เรื่องปทุมธานีดี มีนักการเมืองพยายามทุ่มเงินซื้อเสียงที่ปทุมธานี เพราะต้องการวางรากฐานที่จะเข้ามายึดพื้นที่ในกรุงเทพฯ เนื่องจากการที่จะเข้ามายึดพื้นที่ในกรุงเทพฯ ได้นั้น จะต้องไปตรึงพื้นที่เขตปริมณฑลก่อน ซึ่งได้แก่ ปทุมธานี, นนทบุรี, สมุทรปราการ

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าแผนการของพรรคการเมืองบางพรรค ซึ่งเขาไม่เคยมีฐานเสียงมาก่อน ไม่เคยมาปักหลักที่กรุงเทพฯ และปทุมธานี จึงต้องพยายามทุกวิถีทางที่จะเข้ามาปักหลักให้ได้ แต่วิธีการที่จะเข้ามา เขามาด้วยวิธีการซื้อเสียง ไม่ได้มาด้วยการเข้ามาดูแลพื้นที่ โดยการซื้อเสียงของคนพวกนี้ได้ทำการซื้อผ่านนักการเมืองท้องถิ่นให้เป็นหัวคะแนน

นายชูวิทย์ กล่าวย้ำอีกด้วยว่า นี่เป็นเรื่องจริงที่ได้มีพรรคการเมืองเข้าไปซื้อนักการเมืองท้องถิ่นจริง ซึ่งตนอยากจะฝากเตือนว่า ท่านจะอยู่ในตำแหน่งได้ไม่นาน ถ้าท่านไปเอาพรรคบางพรรค ซึ่งไม่ได้วางรากฐานแบบจริงๆ ใช้วิธีการซื้อหรือกว้านซื้อ ท้ายที่สุดแล้วถ้าเป็นแบบนี้ประชาชนในพื้นที่จะไม่เลือกท่าน

เนื่องจากพอมีพรรคการเมืองพรรคหนึ่งเข้าไปเปิดดีลลับกับนักการเมืองท้องถิ่น ก็จะเห็นได้ว่าการเมืองในจังหวัดปทุมธานีนั้นกลับมีการแข่งขันกันสูงมากขึ้นจนเห็นได้ชัด ระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย ตนไม่อยากจะเปิดข้อมูลการซื้อเสียงของจังหวัดปทุมธานีให้สื่อมวลชนดูว่ามันมีการซื้อเสียงที่เยอะมากขนาดไหน

การที่มีกลุ่มผู้มีอิทธิพลเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่ตอนนี้ ตนอยากจะบอกว่าปทุมธานีเป็นจังหวัดที่มีอิทธิพลเยอะมาก โดยเฉพาะอิทธิพลของนักการเมืองท้องถิ่นชาวบ้านในพื้นที่กลัวมาก ถึงขนาดเวลาที่ชาวบ้านจะส่งข้อมูลมาให้ตนยังย้ำแล้วย้ำอีกให้ตนปิดข้อมูล ปิดชื่อ ปิดที่อยู่ให้ด้วย เพราะชาวบ้านที่ปทุมธานีกลัวมาก เนื่องจากชาวบ้านเขาสู้นักการเมืองท้องถิ่นไม่ได้ ไม่เชื่อลองไปสืบประวัตินักการเมืองท้องถิ่นดูแต่ละคนดูประวัติไม่ธรรมดาทั้งนั้น ตนบอกได้เลยว่าการที่จะให้ชาวบ้านแจ้งข้อมูลเบาะแส กตต.จะต้องคุ้มครองชาวบ้าน ชาวบ้านถึงจะกล้าให้ข้อมูล แต่ถ้าไม่คุ้มครองพวกเขาไม่มีชาวบ้านคนไหนกล้าให้ข้อมูลแน่นอน เพราะทุกคนกลัวโดนอุ้ม

นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า ตอนนี้จังหวัดปทุมธานีมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกัน ระหว่าง ส.ส. กลุ่มเดิม กับนักการเมืองท้องถิ่นอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งโดยธรรมชาติเวลาเลือกตั้งก็จะมีการแข่งขันกันอยู่แล้ว แต่ก็ไม่รุนแรงเท่ากับครั้งนี้ มันเหมือนการย้อนยุคไปในอดีต 20 - 30 ปีก่อน ตนฟันธงได้เลยว่าการเมืองในครั้งนี้ทำให้การเมืองท้องถิ่นในปทุมธานีแตกแยก

ก่อนที่นายชูวิทย์จะทิ้งท้ายถึงพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ว่า ตนเข้าใจบิ๊กแจ๊สที่ทำตัวเป็นพ่อพระ เลือกทุกพรรครักทุกคน เนื่องจากอยู่ในสภาวะกล้ำกลืนฝืนทนซ้ายก็พวกขวาก็พวก ตนขอเตือนบิ๊กแจ๊สอย่าได้สนับสนุนใคร เพราะจะทำให้ปทุมธานีแตกเป็นเสี่ยง ๆ