ความจริงที่คนไทยต้องทำใจ!! หาก 'สหรัฐฯ' และ 'โซรอส' ยังไม่หยุด ความพยายามแทรกแซงการเลือกตั้งของไทยจะไม่สูญสิ้น

ความพยายามในการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของชาติตะวันตกทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะก่อนการเลือกตั้งในประเทศไทยที่กำลังจะมีขึ้น กลุ่มฝ่ายค้านที่พยายามเข้ามามีอำนาจทางการเมือง และอ้างสารพัดเหตุว่า กองทัพซึ่งเป็นองค์กรที่ทรงพลังที่สุดของไทยยุ่งเกี่ยวกับการเมืองไทย โดยมี NGO นักเคลื่อนไหว พรรคการเมือง และนักการเมือง ได้รับเงินทุนสนับสนุนและการสนับสนุนทางการเมืองอย่างเต็มที่จาก วอชิงตัน ลอนดอน บรัสเซลส์ และองค์กรชาติตะวันตก รวมถึงมูลนิธิที่มีชื่อเสียงที่สุดของGeorge Soros นั่นก็คือ มูลนิธิ Open Society (OSF)

หนึ่งในผู้เคลื่อนไหวแถวหน้าดังกล่าว คือ Human Rights Watch (HRW) ซึ่งเคยเผยแพร่รายงานประณามการเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2562 ว่าบ่อนทำลาย ‘สิทธิในการลงคะแนนเสียง’ เพื่อทำความเข้าใจกับโฆษณาชวนเชื่อที่ได้รับทุนสนับสนุนจาก Soros ที่เผยแพร่โดย HRW ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจว่าทำไมประเทศไทยจึงตกเป็นเป้าหมายของการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองตั้งแต่แรก

ทำไมต้องประเทศไทย? ราชอาณาจักรไทยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางที่สำคัญของภูมิภาคทั้งในด้านเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของอาเซียน และยังคงเป็นเพียงชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพียงชาติเดียวที่รอดพ้นจากการตกเป็นอาณานิคมของชาติตะวันตก

ในขณะที่นักวิเคราะห์บางคนยังคงยึดติดกับการเหมารวมในยุคสงครามเย็นเกี่ยวกับบทบาทของไทยในสงครามที่นำโดยสหรัฐฯ แต่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ไทยได้หันเหออกจากวอชิงตันเป็นอย่างมาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองทัพของไทยได้เริ่มเปลี่ยนอาวุธของอเมริกาที่มีอายุมากแล้วด้วยอาวุธของจีน รัสเซีย และยุโรป ซึ่งรวมถึงทุกอย่างตั้งแต่อาวุธขนาดเล็กไปจนถึงเฮลิคอปเตอร์ขนส่ง Mi-17 ของรัสเซีย เครื่องบินรบของยุโรป รถถังหลักของจีน และเรือบรรทุกบุคลากรติดอาวุธ (APCs) และแม้แต่เรือและเรือดำน้ำที่สร้างโดยจีน ทั้งไทยยังได้เป็นหุ้นส่วนหลักในโครงการ One Belt, One Road (OBOR) ของจีนอีกด้วย และเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อมทั้งสองประเทศกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง

ในขณะที่ประเทศไทย โดยความจำเป็น ยังคงต้องรักษาความสัมพันธ์กับชาติตะวันตกและพันธมิตรของชาติตะวันตกอย่างเช่น ญี่ปุ่น ซึ่งที่สุดแล้วไทยสามารถรักษาสมดุลของความสัมพันธ์เหล่านี้เป็นอย่างดี แม้จะมีแรงกดดันมากมายมหาศาลให้ไทยต้องเลือกข้างฝ่ายก็ตามที ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้และอื่น ๆ อีกมากมาย สหรัฐฯ ได้มีส่วนร่วมในความพยายามเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน โดยเริ่มต้นอย่างน้อยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 ที่ ทักษิณ ชินวัตร มหาเศรษฐี และอดีตที่ปรึกษาของ Carlyle Group ก้าวขึ้นสู่อำนาจทางการเมือง

ภายในปี พ.ศ. 2544 เป็นที่ชัดเจนอยู่แล้วว่า การผงาดขึ้นของจีนในระดับภูมิภาคและระดับโลกนั้นใกล้เข้ามาทุกที และกระบวนการปิดล้อมและโดดเดี่ยวปักกิ่งได้กลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ การให้ผู้รับมอบหมายอย่าง ทักษิณ ชินวัตร เข้าสู่อำนาจทางการเมืองในไทยมีเป้าหมายเพื่อสร้างแนวร่วมที่เป็นหนึ่งเดียวของพันธมิตรของสหรัฐฯ ที่รายรอบจีน

Soros กับประเทศไทย จากบทความของ Jean Perier นักวิเคราะห์ภูมิรัฐศาสตร์เรื่อง ‘หลังจาก สูบเลือดไทยจนแห้งแล้ว Soros ก็เข้าสู่กระบวนการสังหาร’ นำเสนอเรื่องราวโดยละเอียดของวิกฤตการเงินในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ปี พ.ศ. 2540 และบทบาทในการเก็งกำไรทางการเงินของ Soros เริ่มจากขั้นแรก เร่งรัดกดดันด้วยกลยุทธทางการเงินต่าง ๆ แล้วจึงหาประโยชน์จากความเสียหายของไทย วิกฤตการณ์ดังกล่าวยังสร้างโอกาสในการโค่นล้มทางการเมืองของรัฐบาลไทยด้วยฝีมือของชาติตะวันตกอีกด้วย

การขึ้นสู่อำนาจของทักษิณหลังจากหายนะทางการเงินนั้นหมายถึงการสร้างประเทศไทยขึ้นใหม่ตามการออกแบบของวอชิงตัน ทักษิณรวบรวมอำนาจทางการเมืองอย่างรวดเร็ว พยายามสร้างพรรคการเมืองพรรคเดียวภายใต้การควบคุมของเขาและผู้สนับสนุนชาติตะวันตก

นอกจากนี้ เขายังได้ดำเนินการในหลากหลายขั้นตอนเพื่อเปลี่ยนแปลงไทยให้เป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดของสหรัฐฯ รวมทั้งการส่งทหารไทยเข้าร่วมการรุกรานอิรักของสหรัฐฯ ในปี พ.ศ. 2546 เชิญชวนให้ CIA ของสหรัฐฯ ใช้ดินแดนของไทยเป็นฐานปฏิบัติการ การแปรรูป ปตท. กลุ่มบริษัทน้ำมันและก๊าซ อันเป็นรัฐวิสาหกิจของชาติ และพยายามที่จะผ่านข้อตกลงการค้าเสรีสหรัฐฯ-ไทย แต่ไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา

นอกจากนี้ เขายังหลงระเริงไปกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการใช้อำนาจโดยมิชอบอย่างมากมาย ซึ่งในที่สุดทำให้มีเหตุผลในการโค่นเขาออกจากอำนาจด้วยการรัฐประหารในปี พ.ศ. 2549 ในขณะที่ผู้สนับสนุนทักษิณ รวมถึงสื่อตะวันตก อ้างว่า ข้อกล่าวหาการคอร์รัปชันของเขา เกิดจากแรงจูงใจทางการเมือง จาก Wikileaks ซึ่งเปิดเผยว่า สถานทูตสหรัฐฯ ส่งข้อมูลกลับไปยังกระทรวงการต่างประเทศว่า มีการผ่านกฎหมายที่เกี่ยวกับภาษีในวันเดียวกับที่เขาขายหุ้นบริษัทของเขาให้กับกลุ่มทุนของสิงคโปร์โดยปลอดภาษี

แม้ว่า สถานทูตสหรัฐฯ จะรับรู้ถึงการทุจริตของทักษิณ แต่ก็ยังคงสนับสนุนเขา และตั้งข้อสังเกตว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวจะทำให้กฎหมายการถือครองของชาวต่างชาติมีโอกาสที่จะเปิดเสรีมากขึ้น โดยอ้างว่า : “ข้อเท็จจริงที่ว่าข้อตกลงดังกล่าวมีโครงสร้างเพื่อให้ครอบคลุมข้อจำกัดของประเทศไทยในการลงทุนจากต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ทำให้เกิดคำถามร้อนแรงเกี่ยวกับบรรยากาศการลงทุนในประเทศไทย และแสดงให้เห็นถึงข้อจำกัดของการเปิดเสรีจนถึงปัจจุบัน ผลลัพธ์ที่หวังว่าจะก้าวไปข้างหน้าคือการถกเถียงทางการเมืองภายในประเทศเกี่ยวกับประเด็นนโยบาย เช่น การถือครองสินทรัพย์โทรคมนาคมของต่างชาติอาจทำให้คนไทยบางส่วนเลิกกลัวการเปิดเสรีตลาด และโดยการต่ออายุข้อตกลงการค้าเสรีกับสหรัฐอเมริกา”

ตั้งแต่นั้นมา เนื่องจากทักษิณถูกดำเนินคดี และถูกตัดสินว่า มีความผิดในคดีทุจริตและถูกตัดสินจำคุก 2 ปี จึงทำให้เขาต้องหลบหนีตั้งแต่นั้นมาในฐานะผู้หลบหนีที่ซ่อนตัวในต่างประเทศ ทักษิณได้พยายามกลับคืนสู่อำนาจผ่านระบอบการปกครองแบบตัวแทนต่าง ๆ ที่ดำเนินการอย่างเปิดเผยโดยสมาชิกในครอบครัว รวมทั้งน้องเขยของเขา สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในช่วงสั้น ๆ ในปี พ.ศ. 2551 ก่อนที่จะถูกศาลพิพากษาถอดถอน และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของทักษิณ ซึ่งทำหน้าที่เป็น นายกรัฐมนตรีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 - 2557 จนกระทั่งมีการรัฐประหารครั้งที่สองเพื่อโค่นเธอออกจากอำนาจเช่นเดียวกับพี่ชายของเธอ

Soros และพรรคพวก ให้การสนับสนุนการกลับมาของทักษิณ เมื่อพิจารณาถึงประโยชน์ที่จะได้จากทักษิณในฐานะพรรคพวกของสหรัฐฯ และความพยายามอย่างกระตือรือร้นของเขาในช่วงปี พ.ศ. 2544 - 2549 ที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นชาติพันธมิตรของสหรัฐฯ ที่มีการบูรณาการได้อย่างสมบูรณ์ จึงเห็นได้ชัดว่า เหตุใดสหรัฐฯ และพันธมิตรในยุโรป พยายามที่จะพาเขาและพรรคพวกกลับคืนสู่อำนาจ

อย่างไรก็ตาม มันได้กลายเป็นการต่อสู้ที่ยากเย็นแสนเข็ญมากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่ยังสามารถโกงการเลือกตั้งผ่านการซื้อเสียงอย่างโจ่งแจ้งในต่างจังหวัด และการใช้การก่อการร้ายอย่างเป็นระบบเป็นประจำ ตัวทักษิณเองก็ผ่านความล้มเหลวทางการเมืองต่อเนื่อง และการถูกยึดทรัพย์สินโดยศาลไทย ขยับจากอันดับ 4 ที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศไทยตกลงมาอยู่อันดับที่ 14 การประท้วงต่อต้านทักษิณที่มีคนเข้าร่วมอย่างมากมายมหาศาลในปี พ.ศ. 2557 ถือเป็นการต่อต้านทั่วประเทศอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนเพื่อไม่ให้เขากลับคืนสู่อำนาจ ซึ่งเป็นความรู้สึกที่มีแนวโน้มนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

แต่ถึงแม้เขาจะไม่สามารถกลับคืนสู่อำนาจได้ แต่ความสามารถของเขาในการสร้างความแตกแยก และความพยายามในการทำให้ประเทศไทยถอยหลัง รวมถึงการใช้ความรุนแรงมากขึ้น ก็เป็นการสนองตอบวัตถุประสงค์ของวอชิงตันและวอลล์สตรีทในการต่อต้านประเทศที่ไม่พึงประสงค์อย่างจีนได้

นับตั้งแต่ทักษิณถูกขับไล่ในปี พ.ศ. 2549 เขาและพรรคการเมืองฝ่ายค้าน กลุ่ม “สิทธิต่าง ๆ นักศึกษา  นักกิจกรรม และสื่อต่าง ๆ” ได้รับการสนับสนุนอย่างเปิดเผยจาก วอชิงตัน ลอนดอน และบรัสเซลส์ ผ่านการสนับสนุนทางการเมืองและการล็อบบี้โดยตรง และผ่านสหรัฐฯ และองค์กรพัฒนาเอกชนที่ได้รับทุนสนับสนุนจากสหราชอาณาจักร (องค์กรพัฒนาเอกชน) ซึ่งเกือบทั้งหมดได้รับทุนบางส่วนจากมูลนิธิ Open Society ของ Soros ด้วย

โดยสื่อฝ่ายที่สื่อตะวันตกมักอ้างถึงการเมืองของไทย ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากมูลนิธิ Open Society ของ Soros หรือ US National Endowment for Democracy (NED) ซึ่งได้งบประมาณจากรัฐสภาสหรัฐฯ หรือทั้งสองแหล่ง อันได้แก่ ประชาไท อีสานเรคคอร์ด และเบนาร์นิวส์

แนวร่วมด้าน “สิทธิมนุษยชน” ที่น่าสงสัย ได้แก่ Thai Lawyers for Human Rights (TLHR) ซึ่งทั้งคู่ปกป้องผู้ก่อกวนที่ประท้วงรัฐบาลปัจจุบันของไทยอย่างเปิดเผย รวมทั้งบางครั้งก็เป็นผู้นำการประท้วงเสียเอง แนวร่วมด้าน “สิทธิมนุษยชน” อื่น ๆ ได้แก่ HRW และ Amnesty International ในไทย ตลอดจนเครือข่ายพลเมือง iLaw และ Fortify Rights (รายงานประจำปี 2560)

อนาคตข้างหน้า : ทักษิณ และ Soros นอกจากนี้ยังมีพรรคการเมืองทั้งหมดที่ดำเนินการในฟากฝ่ายของทักษิณ เช่น พรรคอนาคตใหม่ ซึ่งรวมถึง “นักเคลื่อนไหว” ที่ได้รับการสนับสนุนเป็นเงินทุน และการสนับสนุนในเชิงนโยบายและการเมืองจากสหรัฐฯ และ Soros 

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ (ปัจจุบันเป็นประธานคณะก้าวหน้า) ยอมรับว่า เคยสนับสนุนพรรคการเมืองของทักษิณ ชินวัตร ในอดีต รวมถึงเข้าร่วมกลุ่มผู้ชุมนุม ‘เสื้อแดง’ สุดรุนแรงตามท้องถนน

ปิยบุตร แสงกนกกุล (ปัจจุบันเป็นเลขาธิการคณะก้าวหน้า)  ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ เคยจัดการชุมนุมของ ‘คนเสื้อแดง’ ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยมี Robert Amsterdam ซึ่งเป็น Lobbyist ที่ได้รับค่าจ้างจากทักษิณเข้าร่วมงานในหลาย ๆ งาน

พรรณิการ์ วานิช พรรคอนาคตใหม่ (ปัจจุบันเคลื่อนไหวในนามคณะก้าวหน้า) เคยทำงานให้กับวอยซ์ทีวี ซึ่งเป็นช่องสื่อที่ ‘พานทองแท้ ชินวัตร’ ลูกชายของทักษิณ ชินวัตร เป็นเจ้าของ

ผู้ร่วมก่อตั้งคนอื่นๆ ของพรรคอนาคตใหม่ ได้แก่ นลัทพร ไกรฤกษ์ ซึ่งทำงานพร้อมกันให้กับ US NED และประชาไท สื่อที่ได้รับทุนสนับสนุนจาก Soros และ ชำนาญ จันทร์เรือง ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Future Forward ก่อนหน้านี้เคยเป็นประธาน ของ Amnesty International ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจาก Soros ตามประวัติของเขาบนเว็บไซต์ของพรรคอนาคตใหม่

รังสิมันต์ โรมเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง ‘กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย’ ก็เป็นหนึ่งในพรรคอนาคตใหม่ และได้ร่วมจัดการประท้วงเป็นประจำกับอานนท์ นำภา สมาชิก TLHR ที่ได้รับทุนจาก Soros และ NED พรรคอนาคตใหม่ (ปัจจุบันเป็นพรรคก้าวไกล) ยังได้ให้การสนับสนุนการเคลื่อนไหวของกลุ่มประท้วงรัฐบาลและต่อต้าน กฎหมายอาญา ม.112 ไปด้วยกัน และพรรคอนาคตใหม่ (พรรคก้าวไกลในปัจจุบัน) เองก็ได้รับการสนับสนุนอย่างมากมายจากกลุ่มต่าง ๆ ที่ได้รับทุนสนับสนุนจาก US NED และ Soros ทั้งในไทยและต่างประเทศ รวมถึงสื่อตะวันตกโดย The Foreign Correspondents’ Club of Thailand (FCCT) อันเป็นองค์กรที่รวมกลุ่มสื่อตะวันตกที่ใหญ่ที่สุดที่ดำเนินงานในประเทศไทย ซึ่งจัดกิจกรรมที่เชิญนักการเมืองและนักเคลื่อนไหว ดังที่กล่าวมาในข้างต้นเข้าร่วม

กลุ่มประท้วงรัฐบาลและต่อต้าน กฎหมายอาญา ม.112 นั่น ชัดเจนว่า มีการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ผ่าน National Endowment for Democracy (NED) และพ่อมดทางการเงินอย่าง George Soros โดยมูลนิธิ Open Society ของเขา ซึ่งไม่เพียงแต่แทรกแซงกิจการการเมืองภายในและการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นของไทยเท่านั้น แต่ยังร่วมกันสร้างและพยายามที่จะเข้าสู่อำนาจด้วยพรรคการเมืองที่ยอมทำตามนโยบายของชาติตะวันตก

การทำความเข้าใจบริบททางภูมิรัฐศาสตร์อย่างเต็มรูปแบบเกี่ยวกับการเลือกตั้งในประเทศไทยกำลังเกิดขึ้นภายใน เป็นไปได้ที่จะย้อนกลับไปที่บทความของ HRW เกี่ยวกับการเลือกตั้งในประเทศไทยที่ชื่อว่า “ประเทศไทย : ข้อบกพร่องเชิงโครงสร้างที่ล้มล้างการเลือกตั้ง” ซึ่งเผยแพร่ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปของไทยใน ปี พ.ศ. 2562 ซึ่งในนั้นได้กล่าวถึง ทักษิณ ชินวัตร เพียงประโยคเดียว บทบาทปัจจุบันของเขาในการควบคุมหลาย ๆ พรรคการเมืองเพื่อให้ตัวเองกลับคืนสู่อำนาจนั้นถูกมองข้ามไปโดยสิ้นเชิง และความจริงที่ว่า HRW และฝ่ายค้านของไทยได้รับทุนสนับสนุนจาก Soros ผ่านทาง Open Society ทั้งคู่ก็ไม่ถูกกล่าวถึงเช่นกัน

การกล่าวหาของ HRW ต่อกองทัพไทยว่า “ล้มล้างการเลือกตั้ง” นั้นคล้ายกับการกล่าวหาว่า ตำรวจจับกุมฆาตกรที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหา “ลักพาตัว” โดยไม่เคยพูดถึงว่า “ผู้ถูกลักพาตัว” คือฆาตกรที่ถูกตัดสินว่ามีความผิด ในความหมายเดียวกัน HRW กำลังอ้างถึงมาตรการปราบปรามที่ถูกกล่าวหาท่ามกลางการเลือกตั้งของไทย โดยไม่ได้กล่าวถึงผู้ที่ตกเป็นเป้าหมายของมาตรการดังกล่าวซึ่งดำเนินการเพื่อ ทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นอาชญากรที่ต้องโทษและผู้หลบหนี และผู้สนับสนุนในต่างประเทศของเขา การมีส่วนร่วมของเขาในการเลือกตั้งนั้นทั้งผิดกฎหมายและไม่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ไม่ได้กล่าวถึงโดย HRW และกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่ได้รับทุนจากต่างประเทศ ในการเลือกตั้งทั่วไป ปี พ.ศ. 2566 HRW ได้ออกบทความชื่อ “ประเทศไทย : การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นมีข้อบกพร่องโดยพื้นฐาน กระบวนการที่ไม่เป็นธรรม การเซ็นเซอร์ การกดขี่” ซึ่งมุมมองของ HRW ไม่มองถึงความถูกต้องชอบธรรมในเชิงจริยธรรม ถ้าฟากฝ่ายที่ HRW สนับสนุนไม่ได้รับการเลือกตั้งหรือไม่ได้จัดตั้งรัฐบาลแล้ว กระบวนการที่เกิดขึ้นไม่เป็นประชาธิปไตย เป็นการกล่าวอ้างถึงประชาธิปไตย โดยไม่สนใจใยดีในความถูก ผิด ชอบ ชั่ว ดี ตลอดจนศีลธรรมจรรยาของฟากฝ่ายที่ HRW ให้การสนับสนุนเลย การเพิกเฉยต่อข้อเท็จจริงเหล่านี้โดยเจตนาที่ไม่ซื่อตรงเท่านั้นที่ชาติตะวันตกสามารถเข้าแทรกแซงการเลือกตั้งอีกครั้งในต่างประเทศ และพยายามโค่นล้มรัฐบาลอีกครั้งที่ขัดขวางวาระการรับใช้ผลประโยชน์ของตนเองในประเทศที่อยู่ห่างออกไปหลายพันไมล์จากดินแดนของตนเอง

ไม่ว่าการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองที่ได้รับการสนับสนุนจากตะวันตกจะประสบความสำเร็จหรือไม่ก็ตาม วิกฤตการณ์ทางการเมืองของไทยมีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไป รวมทั้งการประท้วงและการประท้วงต่อต้านรอบใหม่ ความรุนแรงแบบ ‘ปฏิวัติสี’ ที่ร้ายแรง และอาจมีการแทรกแซงอีกครั้งโดยศาลหรือกองทัพของไทย ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด อย่างน้อยที่สุดก็จะขัดขวางทิศทางที่ต่อเนื่องของประเทศไทยในความพยายามรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในเชิงสมดุล และปกป้องทรัพยากรเพื่อการพัฒนาประเทศในอนาคต


เรื่อง: ดร.ปุณกฤษ ลลิตธนมงคล

ที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการสมัยใหม่ อาจารย์พิเศษหลักสูตรปริญญาโทและเอก นักเล่าเรื่องมากมายในหลากหลายมิติ เป็นผู้ที่ชื่นชมสนใจในประวัติศาสตร์สงครามสมัยใหม่ตลอดจนอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ