‘มาดามเดียร์’ แนะรัฐต้องสร้างพื้นที่ปลอดภัยโอบรับคนรุ่นใหม่ พร้อมดันนโยบายกองทุนไอเดียหมื่นล้านเติมทุนตามฝันคนทุกวัย

(22 เม.ย.66) น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมเวทีเสวนา 'Lost & Found: ตามหาความฝันที่หล่นหายของคน Gen Z' กล่าวว่า เด็ก Gen Z หลายคนถูกบังคับให้เลือกบนทางเลือกที่จำกัดหรือแทบจะไม่มีทางเลือกเลย เด็กจบใหม่ไม่เป็นพนักงานประจำ ก็เป็นฟรีแลนซ์ แต่ก็มีไม่กี่คนมีทุนและได้เป็นเจ้าของกิจการ สำหรับคนที่ไม่มีทุนต้องแลกที่จะแยกออกมาอยู่คนเดียวในเมืองอยู่ในพื้นที่แคบเพื่อง่ายต่อการทำงาน ทำให้เกิดปัญหา Mental Health สังคมเริ่มป่วย ความรุนแรงเริ่มเกิดขึ้นกับคนที่อายุน้อยลงเรื่อยๆ ทั้งที่ไม่ควรเกิดขึ้น 

ทั้งหมดนี้เกิดจากความเลื่อมล้ำ พรรคประชาธิปัตย์ต้องการสร้างโอกาสที่เท่าเทียมกัน เพื่อให้เด็ก Gen Z สร้างฝันของตัวเองให้เป็นจริง โดยนโยบายทางการศึกษา ให้เรียนฟรีจนจบปริญญาตรีโดยเริ่มจากสาขาที่ขาดแคลนในตลาดก่อนและค่อยขยายไปสาขาอื่นๆ นโยบายธนาคารชุมชน-หมู่บ้าน กองทุนไอเดียหมื่นล้าน และกองทุนเอสเอ็มอี-สตาร์ตอัป เพื่อสานฝันให้คน Gen Z มีเงินทุนเพื่อประกอบธุรกิจทำตามความฝัน เติมต้นทุนในชีวิต และสุดท้ายคือนโยบายกระจายความเจริญออกไปสู่ภูมิภาค

น.ส.วทันยา ตั้งคำถามว่า คนทุกวัยมีเป้าหมายในชีวิต แต่บริบทสังคมอะไรที่จะทำให้เขาเข้าถึงเป้าหมาย และครอบครัว สังคม หรือรัฐบาลมีความเข้าใจที่จะส่งเสริมให้ถึงเป้าหมายหรือไม่? น.ส.วทันยา กล่าวว่า เราต้องสร้างตาข่ายที่รองรับให้คนรุ่นใหม่รู้สึกว่าถ้าเขาล้มเขายังอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ตั้งแต่รัฐสวัสดิการ ที่อยู่อาศัย หรือการดูแลของรัฐในช่วงเกษียณ นอกจากนี้รัฐต้องส่งเสริมให้ทุกคนมีโอกาสที่เท่าเทียมให้ยืนบนลำแข้งของตัวเองให้ได้ และสร้างพื้นที่ปลอดภัยที่โอบรับทุกคน สิทธิ เสรีภาพ ความรักความอบอุ่น ให้เขามีความเชื่อมั่นในตัวเองเพียงพอที่จะออกไปต่อสู้กับโลกภายนอก โดยเฉพาะความผันผวนของโลก ไม่ว่าจะเป็นสงคราม โลกร้อน โรคระบาด ฯลฯ 

นอกจากนี้ น.ส.วทันยา กล่าวว่า ถ้าเราเปิดใจรับฟัง และเคารพผู้อื่น รู้จักการเป็นผู้ฟังที่ดีความโดดเดี่ยวความเหงาของเด็ก Gen Z ก็จะน้อยลง พรรคการเมืองมีบทบาทสำคัญมากในการเปิดพื้นที่กว้างในการเปิดรับความแตกต่างหลากหลาย เช่น โครงการยุวประชาธิปัตย์ ที่เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาเรียนรู้การเมืองและสุดท้ายก็จะกลายมาเป็นช้างเผือกที่ให้เด็กเหล่านี้มีโอกาสเข้ามาเป็นผู้แทนประชาชน ขณะเดียวกันตั้งมีการจัดสรรโควตาขององค์กรต่างๆ โดยเฉพาะองค์กรที่เกี่ยวกับเยาวชน โดยคำนึงอายุ เพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนมุมมอง เพราะความรู้วุฒิภาวะไม่ได้ขึ้นอยู่กับวัยเสมอไป ขณะที่การถ่วงดุลตรวจสอบภาครัฐ ต้องมีการเปิดเผยข้อมูล และคนรุ่นใหม่จะเป็นกลไกสำคัญในการเข้ามาตรวจสอบและส่งเสียง เพื่อพัฒนาประชาธิปไตยและลดการทุจริตคอร์รัปชัน

สุดท้าย น.ส.วทันยา ขอบคุณคนรุ่นใหม่ที่ตื่นตัวทางการเมือง เพราะมันคือพลังสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ อยากให้ทุกคนไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง เลือกพรรคอะไรก็ได้ที่ตอบโจทย์ อำนาจของการเปลี่ยนแปลงอยู่ในปลายปากกาของคุณ