‘กรณ์’ เปิดตัว ส.ส.หญิงแห่ง ‘ชพก.’ หลากสาขาหลายอาชีพ ย้ำ เป็นคนรุ่นใหม่-ไฟแรง พร้อมเข้าสภาฯ ทำหน้าที่เพื่อ ปชช.

(12 เม.ย. 66) นายกรณ์ จาติกวณิช เป็นหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า พรรคมีผู้สมัคร ส.ส.หญิงมาลงสมัครกันมากหน้าหลายตา และต่างลงพื้นที่หาเสียงกันอย่างคึกคัก พรรค ชพก.มีผู้หญิง มาเป็นผู้สมัคร ส.ส.หลายคน ในทุกภาคของประทศ ซึ่งแต่ละคนโปรไฟล์ไม่ธรรมดา หลากหลายสาขาอาชีพ ทั้ง นักธุรกิจ, ลูกชาวนา, ลูกแม่ค้า, หมอลำ, นักแสดง ฯลฯ

นายกรณ์ กล่าวว่า เริ่มที่ จ.เชียงใหม่ แม้ไม่ใช่บ้านใหญ่แต่ใจสู้ พรรคชาติพัฒนากล้าส่งผู้สมัคร 2 คน คือ คนที่ 1 กุพชกา ยศปัน หรือ ‘นุ่มนิ่ม’ ผู้สมัครเขต 1 เบอร์ 6 เจ้าแม่เอสเอ็มอี นักธุรกิจด้านโรงแรม ร้านอาหารและสถานออกกำลังกาย เข้าสู่เส้นทางการเมืองเพราะต้องการแก้ไขเศรษฐกิจเพื่อปากท้องของคนเชียงใหม่ เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว ผลักดันแก้ไขปัญหา PM 2.5 ในเขตภาคเหนือ เป็นปากเป็นปากเสียงให้พี่น้องคนเมืองเจียงใหม่ ขับเคลื่อนให้คนมีงานทำ สโลแกนประจำตัว ‘นุ่มนิ่ม แน่วแน่ แก้ไข’

และคนที่ 2 นฤมล วไลศรี หรือ ‘หน่อง’ ผู้สมัครเขต 4 เบอร์ 1 มีความมุ่งมั่นตั้งใจ อยากเห็นเศรษฐกิจปากท้องความเป็นอยู่ของคนเชียงใหม่ที่ดีกว่านี้ ต้องการสร้างอาชีพให้คนในชุมชน

นายกรณ์ กล่าวว่า ตามมาด้วย ภาคอีสานส่ง 3 สาวผู้สมัคร ส.ส. เปิดตัวได้ฮือฮา เริ่มจากคนที่ 1 หมอลำชื่อดัง ดนิตา มาบุญธรรม หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘เอม อภัสรา’ ผู้สมัคร ส.ส.ร้อยเอ็ด เขต 1 เป็นลูกชาวบ้านที่อาสามาเป็นผู้แทน และมีเจตนารมณ์ ไม่ขายความขัดแย้ง ไม่ทะเลาะกับใคร ไม่สะสมประโยชน์ส่วนตัว เน้นทำงานเพื่อแก้ปากท้องของพี่น้องประชาชน สร้างอนาคตให้ลูกหลาน ดูแลผู้สูงอายุ ผลักดันหมอลำโกอินเตอร์

คนที่ 2 กมลวรรณ มณีศรี หรือ ‘บุ๋มบิ๋ม’ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 เบอร์ 10 มหาสารคาม เจ้าของธุรกิจค้าวัสดุก่อสร้าง เคยเป็นผู้ช่วย ส.ส.ให้นายกรณ์ ร่วมทำโครงการข้าวอิ่ม ที่นายกรณ์ บุกเบิกเมื่อ 10 ปีที่แล้ว จนประสบความสำเร็จ มีความมุ่งมั่นแก้ปัญหาปากท้องเพื่อพี่น้องประชาชน ให้พ้นจากความยากจน

คนที่ 3 นุจรีภรณ์ อินทะสร้อย หรือ ‘มี่’ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 มหาสารคาม เบอร์ 5 ทายาทตัวจริงของชาวนาในโครงการข้าวอิ่ม ตัดสินใจเปลี่ยนวิธีทำนาตามคำแนะนำของนายกรณ์ พาชาวบ้านทำเกษตรอินทรีย์ จนปลดหนี้ปลดสิน มี่ตัดสินใจลงการเมือง เพราะต้องการแก้ปัญหาเรื้อรัง ที่ไม่เคยแก้ได้ตรงจุด อาสาขอเป็นปากเป็นเสียงให้ชาวบ้านแก้ปัญหาราพืชผลของชาวนา ชาวไร่ ชาวสวน อยากเห็นเกษตรกรยิ้มได้

นายกรณ์ กล่าวว่า สำหรับกรุงเทพมหานคร มีผู้สมัครหญิงหลายคน เริ่มจากคนที่ 1 วิเวียน จุลมนต์ หรือ ‘อี๊ฟ’ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 8 เบอร์ 10 คนรุ่นใหม่ไฟแรง มีพลังงานเหลือเฟือ เริ่มเข้าสู่วงการเมืองเพราะชื่นชอบนายกรณ์ จึงสมัครเข้าแคมเปญ ‘ผู้กล้า’ ของพรรคกล้า (ในขณะนั้น) และเป็นผู้กล้ารุ่น 1 จากนั้นก็ช่วยงานพรรคเรื่อยมา อี๊ฟเป็นฟรีแลนซ์เต็มตัว ทำงานได้สารพัด ตั้งแต่ แม่บ้าน แม่ค้า ขับ Grab Taxi ติวเตอร์ อะไรที่ไม่ผิดกฎหมายทำหมด จึงทำให้เห็นความเหลื่อมล้ำของการได้รับสวัสดิการสังคมของฟรีแลนซ์กับมนุษย์เงินเดือน เธอจึงขอเป็นตัวแทนฟรีแลนซ์ต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม ทั้งเรื่องรายได้ ค่าตอบแทน สวัสดิการสังคม สิทธิทางภาษี ฯลฯ นอกจากนี้ ยังเป็นคนที่ชื่นชอบ วัฒนธรรมไทย และยังเป็นคนที่เข้าใจเด็กรุ่นใหม่ ได้เห็น ได้สัมผัสวิธีคิด จนมีแนวคิดให้เด็กรุ่นใหม่ ออกแบบอาชีพด้วยตัวเอง

คนที่ 2 ดร.แวววรรณ ก้องไตรภพ หรือ ‘บี’ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 9 เบอร์ 3 มีส่วนสำคัญในการช่วยเหลือประชาชนหาเตียง ในช่วงวิกฤตโควิดระลอกแรก ในโครงการกล้าอาสา ด้วยความมุ่งมั่นที่ต้องการเห็นประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความสุขและความปลอดภัย คนสูงวัยและกลุ่มเปราะบางต้องไม่ถูกทอดทิ้ง ดร.บี บอกว่า เขตที่รับผิดชอบคือ บางเขน จตุจักร หลักสี่ ยังมีปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยอีกมาก ตรอกซอยต่าง ๆ ยังเป็นถนนเอกชนที่มีปัญหาเรื่องการของบประมาณมาซ่อมแซม มีงานต้องประสานกับภาครัฐมากมาย ปัญหาของผู้สูงอายุและคนพิการก็สำคัญเช่นเดียวกัน ในขณะที่เรากำลังเข้าสู่สังคมสูงอายุ แต่ชาวบ้านกลับถูกละเลย เธอจึงอยากเข้ามาเป็นตัวแทนทำงานเพื่อประชาชน มีสโลแกนประจำตัวคือ ‘แวววรรณ เคลียร์ไว เข้าใจปัญหา’

คนที่ 3 ริณดา คงตาลนันท์ หรือ ‘เพิร์ท’ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 18 เบอร์ 2 มีอาชีพฟรีแลนซ์ด้านกราฟิกดีไซน์ ประกาศขอสู้เพื่อสุนัขและแมว เธอมองว่า ปัจจุบันมีสุนัขแลแมวจรในกรุงเทพมหานคร ยังไม่ได้รับความสนใจในการสนับสนุนการแก้ไขเท่าที่ควร กทม.ควรเริ่มด้วยการช่วยเก็บข้อมูล เพื่อนำไปสู่การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ พรรคชาติพัฒนากล้าให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของสัตว์ เพราะเขาสื่อสารกับเราไม่ได้

คนที่ 4 ภัทรานิษฐ์ กิตินิรันดร์กูล ผู้สมัคร ส.ส.เขต 19 เบอร์ 15 เจ้าของธุรกิจด้านขนส่ง มีจุดมุ่งหมายทางการเมืองมากมายที่ต้องการผลักดันให้สำเร็จ โดยเฉพาะส่งเสริมภาคตะวันออกของกรุงเทพให้เป็น Halal Town พัฒนามีนบุรีให้ทัดเทียมกับเขตอื่น เสริมเศรษฐกิจชุมชนเขตมีนบุรี รถไฟฟ้า 2 สายของมีนบุรีต้องสำเร็จ ร่วมผลักดันนโยบายค่าตอบแทนครูสอนศาสนาผู้นำชุมชน ล็อตโต้กองทุนมุสลิมไปพิธีฮัจญ์

คนที่ 5 ยศยา ชิยาปภารักษ์ หรือ ‘นุ่น’ เจ้าของธุรกิจสายมู ผู้สมัคร ส.ส.เขต 23 เบอร์ 2 นุ่นมีความมุ่งมั่นตั้งใจอย่าแรงกล้า ที่จะสร้างโอกาส และ สร้างแหล่งรายได้ของคนไทยทั่วประเทศ จากนโยบายเศรษฐกิจเฉดสีขาว หรือเศรษฐกิจสายมู ซึ่งเป็นนโยบายที่พรรคชาติพัฒนากล้ายืนหนึ่งสนับสนุนมาโดยตลอด โดยมีนโยบายสร้างแลนด์มาร์คศักดิ์สิทธิ์ 77 จังหวัด ๆ ละ 1,000 ล้านบาท เพื่อดึงนักท่องเที่ยวและรายได้เข้าประเทศ

คนที่ 6 สวิชญา วาทะพุกกะณะ หรือ ‘แนน’ ผู้สมัคร ส.ส. เขต 25 เบอร์ 8 แนนเป็นอดีตนักแสดงนำภาพยนตร์เรื่อง ‘เสียดาย’ และเป็นผู้สมัครคนเดียว ที่ประกาศขอเป็นปากเสียงให้คนพิการ ได้รับความเป็นธรรม แนนเข้ารับการฝึกภาษามือ และทำคลิปนำเสนอนโยบายด้วยภาษามือ เพื่อสื่อสารให้ผู้พิการทางการได้ยิน ได้เข้าใจและรับรู้นโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้า ว่ายินดีรับฟังทุกปัญหา แม้เสียงที่ไม่มีใครได้ยิน จนได้รับการกล่าวขาน สร้างความประทับใจให้กับกลุ่มคนพิการ โดยเฉพาะผู้บกพร่องทางการได้ยิน ส่งผลให้คลิปมียอดวิวพุ่งขึ้น 1.5 ล้านวิว ในเวลาชั่วข้ามคืน

คนที่ 7 อรไพลิน อัครเลิศวรปรีชา หรือ ‘อร’ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 32 เบอร์ 4 ตัวเล็กแต่ใจใหญ่ ขยัน อดทน ลงพื้นที่พบปะชาวบ้าน ไม่ทิ้งพื้นที่ต่อเนื่องมาหลายปี ได้รับการพูดถึงอย่างมากช่วงสถานการณ์โควิด อรลงพื้นที่เปิดครัวและประสานช่วยเหลือประชาชนอย่างเข้มแข็ง จึงขอโอกาสเป็นปากเสียงให้พี่น้องประชาชน ผลักดันแก้ปัญหา ตั้งแต่เด็กเล็กไปจนถึงผู้สูงวัย รวมถึงสัตว์เลี้ยงที่ต้องได้รับการดูแล

นายกรณ์ กล่าวว่า ปิดท้ายด้วยภาคใต้ พรรคชาติพัฒนากล้า ส่งผู้สมัครหญิงแกร่ง 2 คน คือ คนที่ 1 พงศ์ศรี นาคเมือง หรือ ‘ทนายอ๋อย’ ผู้สมัคร ส.ส.สุราษฎร์ธานี เขต 2 เบอร์ 8 เจ้าของธุรกิจโรงแรม และสำนักงานทนายความ โดยเจ้าตัวเปิดเผย ถึงเหตุผลในตัดสินใจเข้าสู่การเมือง ว่า เนื่องจากมีแรงผลักดันจากวิกฤตชีวิตของครอบครัว ที่เกือบต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ทั้งสามี ลูก และหลาน เนื่องจากการเดินทางที่ยากลำบากเพื่อให้ได้รับเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ทันท่วงที จึงตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้ง เพื่อผลักดันการก่อสร้างสะพานข้ามเกาะสมุย เพื่อช่วยเหลือชาวเกาะสมุย ที่ต้องประสบปัญหาความเดือดร้อนจากการผูกขาดการเดินทาง ของเครื่องบิน และเรือข้ามฟาก ทำให้ประชาชนต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่มากกว่าคนบนเกาะถึง 2 เท่า และยังเป็นปัญหาต่อการทำมาหากิน การสร้างสะพาน จึงเป็นการชุบชีวิตคนรากหญ้า และกระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีมากยิ่งขึ้น

คนที่ 2 คือ อรทัย เกิดทรัพย์ ‘อ้อ’ ผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ต เขต 3 เบอร์ 1 คนพื้นที่ สัมผัสกับชาวบ้านด้วยความเป็นลูกหลานชาวสวนยาง ประกาศขอตอบแทนบ้านเกิดด้วยการ เป็นตัวแทนประชาชน เข้าไปเป็นปากเป็นเสียงในสภา เพื่อแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชน อ้อ ลงพื้นที่อย่างทุ่มเทตลอด 8 เดือนเต็ม จนได้ฉายา ‘อ้อเต็มที่’ ผลโพลล์ในพื้นที่ คะแนนของอ้อมาเป็นอันดับ 1 หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ก็กล่าวอย่างมั่นใจว่า ผู้สมัคร ส.ส.หญิงของพรรค จะสามารถเป็นตัวแทนของประชาชน เข้าไปทำงานในสภาฯ ได้อย่างแน่นอน