‘กรณ์’ ลงพื้นที่ ‘ยานนาวา-บางคอแหลม-สาทร’ ชูแก้ปัญหา ศก.-ปากท้อง เน้นหารายได้เข้าประเทศ

(12 เม.ย.66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ลงพื้นที่ บางคอแหลม สาทร ยานนาวา เพื่อช่วย 2 ผู้สมัคร ส.ส.ได้แก่ นายวรนนท์ อัศวกิตติเมธิน ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 เบอร์ 3 และ นายปรัชญา อึ้งรังษี ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 เบอร์ 14 โดยมี นายปรินต์ ทองปุสสะ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 เบอร์ 12 และ นางสาวริณดา คงตาละนันท์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 18 เบอร์ 2 ร่วมให้กำลังใจ โดยขึ้นรถแห่พร้อมผู้สมัคร พบปะพี่น้องประชาชนแถวมัสยิดดารุลอบีดีน ถนนจันทน์ ทะลุ ซอยกิ่งจันทน์ ซอยวัดไผ่เงิน เพื่อขอคะแนนพี่น้องประชาชน และผู้ที่สัญจรผ่านไปมาด้วย 

นายกรณ์ กล่าวว่า จากการพบปะพี่น้องประชาชนตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ทุกคนมองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ พวกเขาต้องการพรรคการเมืองและนักการเมืองที่จะเข้าไปเป็นรัฐบาล เข้าใจความเดือดร้อนของประชาชนทั้งเรื่องของแพง ค่าน้ำมันแพง ค่าไฟฟ้าแพง ซึ่งตรงกับชุดนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้าที่นำเสนอ ซึ่งทำให้เราเชื่อมั่นว่ามาถูกทาง หลายพรรคการเมืองอาจจะมีนโยบายที่สร้างความหวือหวา ลด แลก แจก แถม ซึ่งมีจำนวนมากและมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่สำหรับพรรคชาติพัฒนากล้า เราตั้งธงยุทธศาสตร์ว่า จะหารายได้เข้าประเทศ 5 ล้านล้านบาทภายใน 4 ปี เราจึงคิดนโยบาย 12 นโยบายเฉดสี ที่เรานำเสนอมาอย่างต่อเนื่อง 

นายกรณ์ ได้ยกตัวอย่างเศรษฐกิจเฉดสีเหลือง คือเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยระบุว่า คนไทยทุกคนมีชีวิตอยู่บนแพลตฟอร์ม แต่ประเทศไทยกลับไม่มีแพลตฟอร์มเป็นของตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องของการท่องเที่ยว ในแต่ละปีมีการจองโรงแรมที่พัก โดยรวมปีละนับล้านล้านบาท ซึ่งต้องเสียค่าการตลาดให้กับแพลตฟอร์ตหลายแสนล้านบาท ทำให้เราเสียโอกาสในรายได้ดังกล่าว ดังนั้นเราจึงควรพัฒนาแอปพลิเคชันเป็นของเราเอง เพื่อเก็บเงินไว้ให้กับผู้ประกอบการชาวไทย 

นอกจากนี้ ในเรื่องของซอฟท์พาวเวอร์ เรามีเยอะมากแต่ขาดการส่งเสริม เช่น ตอนนี้ซีรีส์วาย ของคนไทยเป็นที่นิยมไปทั่วโลก ซึ่งหากมีการส่งเสริมผู้ผลิตคอนเทนท์เหล่านี้ มันจะนำไปสู่โอกาสในการขยายผล ประชาสัมพันธ์ผ่านอาหารไทย สินค้าไทย แหล่งท่องเที่ยวไทย ซึ่งเป็นช่องทางผลักดันไปสู่ตลาดโลก ทำให้เขาอยากมา และประเทศไทยเองก็จะมีรายได้จากการขายคอนเทนท์เหล่านั้นด้วย  

หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า เศรษฐกิจสีเงิน เป็นนโยบายผู้สูงอายุ ที่พรรคเรามองต่างจากพรรคอื่น คือเรามองผู้สูงอายุเป็นสินทรัพย์ที่มีค่า ไม่ใช่ภาระ เรามีนโยบาย ‘สูงไวไฟแรง’ ส่งเสริมผู้สูงอายุที่ยังมีไฟ ยังมีแรงที่จะทำงานต่อ เราจะสนับสนุนเงินชดเชยเงินเดือนให้กับผู้ประกอบการที่ว่าจ้างผู้สูงอายุ รายละ 5,000 บาทต่อเดือน เพื่อเป็นแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการพร้อมที่จะจ้างผู้สูงอายุให้ทำงานต่อไป รวมถึงเรามีนโยบายทางภาษีด้วย สำหรับทุกคนถึงวัยเกษียณและต้องการทำงานต่อ จะลดภาระภาษีเงินได้บุคคลให้ 50% 

นอกจากนี้ ยังมีนโยบายยกระดับคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ ด้วยโครงการ อารยสถาปัตย์ อัดฉีดเม็ดเงิน 50,000 บาท ให้กับบ้านที่มีผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้น เพื่อปรับปรุงบ้านให้มีความปลอดภัย โดยตั้งเป้าภายใน 4 ปี จะซ่อมแซมบ้านให้ได้ครบ 1,000,000 หลัง ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ทั้งเรื่องของแรงงานและผู้รับเหมา

นายกรณ์ กล่าวด้วยว่า พรรคชาติพัฒนากล้า มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง เพื่อสร้างโอกาสทำมาหากิน ลดภาระค่าใช้จ่าย ให้กับพี่น้องประชาชน โดยแก้ปัญหาที่โครงสร้าง ทั้งพลังงาน สินเชื่อ ซึ่งแม้ว่าจะต้องชนกับฐานอำนาจในบางกรณี เพื่อแก้ระบบอย่างยั่งยืน ซึ่งต้องอาศัยความกล้า และเราได้ทำให้ประชาชนได้เห็นมาแล้ว และก็เชื่อว่า ท้ายที่สุดแล้ว พี่น้องประชาชนจะคิดได้เองว่า แนวทางแบบไหนที่จะเป็นประโยชน์ต่อลูกหลานในอนาคตต่อเขาได้มากกว่ากัน พร้อมทั้งระบุด้วยว่า เชื่อว่า ในช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียงจะได้เห็นผู้นำบางพรรคที่ยังไม่ได้แสดงวิสัยทัศน์ผ่านเวทีดีเบท จะได้นำเสนอนโยบายต่อประชาชน ซึ่งแม้จะมีกระทบกันบ้างแต่ก็ขอให้เป็นไปอย่างสร้างสรรค์ และประชาชนได้ประโยชน์ 

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการย้ำเตือนลูกพรรคอย่างไรบ้างในช่วงเทศกาลสงกรานต์ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ได้กังวลอะไรมาก แต่ก็ได้ย้ำไปกับผู้สมัครโดยเฉพาะคนที่เพิ่งลงสนามเป็นครั้งแรกให้ระมัดระวัง ในข้อจำกัดทางกฎหมายต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังได้เตือนผู้สมัคร และทีมหาเสียงว่าให้ดูแลสุขภาพ ดื่มน้ำเยอะ ๆ แต่เชื่อว่า ทุกคนจะผ่านได้เพราะส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ ที่ยังแข็งแรง 

“คนที่ต้องระวัง คือตัวผมมากกว่า เพราะสูงวัยกว่าน้อง ๆ หลายปี” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวติดตลก