ทบ.แจงความผิด 'พระเนติวิทย์' หลังหมดผ่อนผัน-ไม่มาตรวจเลือก ถือเป็นผู้มีความผิดพ.ร.บ.รับราชการทหารตาม ม.27

(10 เม.ย.66) เมื่อวันที่ 9 เม.ย.66 พล.ต.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ตามที่มีการนำเสนอข่าวการตรวจเลือกทหาร กรณีผู้ที่ไม่มารายงานตัวเข้ารับการตรวจเลือกตามหมายเรียกของทางราชการ รวมทั้งกรณี 'พระเนติวิทย์ จรณสมฺปนฺโน' ซึ่งยังมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงนั้น ขณะนี้ กองทัพกำลังอยู่ในระหว่างการตรวจเลือกทหารกองประจำการ ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากชายไทย เข้ารับการตรวจเลือกอย่างต่อเนื่อง 

แต่ก็มีชายไทยจำนวนหนึ่งที่ไม่สามารถมาเข้ารับการตรวจเลือก ตามวัน-เวลาที่ทางราชการกำหนดได้ โดยผู้ที่ไม่มารายงานตัวเข้ารับการตรวจเลือกหรือผู้ขาดการตรวจเลือกนั้น ในขั้นตอนต่อไปทางเจ้าหน้าที่จะปฏิบัติ ดังนี้...

1. ภายหลังการตรวจเลือกทหารปีนี้แล้วเสร็จ หรือภายในเดือนพฤษภาคม 2566 ทางเขต/อำเภอ จะมีหนังสือแจ้งไปยังผู้ที่ขาดการตรวจเลือก เชิญมาสอบสวนเพื่อหาสาเหตุที่ไม่มาเข้ารับการตรวจเลือก 

2. หากการสอบสวนของทางกระทรวงมหาดไทยโดยนายอำเภอ พิจารณาแล้วพบว่าไม่เป็นเหตุสุดวิสัยและมีความผิด ทางนายอำเภอจะส่งเรื่องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฏหมาย โดยจะมีการออกหมายเชิญเจ้าตัวให้มาสอบปากคำเพื่อทำสำนวนส่งให้อัยการ เพื่อนำเข้าสู่ชั้นศาลต่อไป และหากศาลตัดสินว่ามีความผิด จะมีสภาพเป็น 'คนหลีกเลี่ยงขัดขืน' ซึ่งตามกฏหมาย หากมีขนาดร่างกายสมบูรณ์ดีตามที่กฎหมายกำหนด จะต้องเข้ารับราชการทหารโดยไม่ต้องจับใบดำใบแดง ในการตรวจเลือกครั้งต่อไป

พล.ต.หญิงศิริจันทร์ กล่าวอีกว่า สำหรับกรณี 'พระเนติวิทย์ จรณสมฺปนฺโน' ในปีนี้อยู่ในบัญชีคนที่พ้นฐานะยกเว้นผ่อนผัน ของอำเภอเมืองสมุทรปราการ และจะต้องไปเข้ารับการตรวจเลือกตามหมายเรียกฯ ของนายอำเภอตามกำหนดใน 9 เม.ย. 66 ซึ่ง 'พระเนติวิทย์ จรณสมฺปนฺโน' ไม่ได้ไปรายงานตัวเข้ารับการตรวจเลือกตามหมายเรียก ทางราชการก็จะปฎิบัติตามหลักการเดียวกัน คือ เมื่อเป็นผู้ขาดการตรวจเลือกและมีความผิดตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร มาตรา27  ขั้นตอนต่อไป ทางอำเภอจะมีหนังสือเชิญมาสอบสวนและให้ข้อมูล โดยไม่ได้มีการออกหมายจับตามที่ข่าวนำเสนอ 

ทั้งนี้ ขอเรียนว่าในทุกกระบวนการการตรวจเลือกทหารกองประจำการ ทางราชการโดยคณะกรรมการการตรวจเลือกทุกพื้นที่ พร้อมรับฟังเหตุผลความจำเป็น ข้อจำกัด หรือความต้องการของผู้เข้ารับการตรวจเลือกทุกคน และนำไปสู่การดำเนินการและการแก้ไขปัญหาอย่างเหมาะสม โดยยึดทั้งหลักนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ควบคู่กันไป เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนภายใต้ข้อบัญญัติของกฎหมายอย่างเป็นธรรม