‘มณีรัตน์ ลิมป์รัตนกาญจน์’ เลือดใหม่แห่ง ‘ภูมิใจไทย’ ผู้เชื่อมั่นในสังคมดี ต้องเริ่มจากเยาวชนที่มีคุณภาพ

‘ภูมิใจไทย’ ส่ง ‘มณีรัตน์’ คนรุ่นใหม่ ดีกรีนักกฎหมายจาก King’s College London นักธุรกิจมากความสามารถ และนักขับเคลื่อนงานด้านประชาสังคม พ่วงบทบาทในแวดวงการเมืองร่วม 10 ปี ชิงชัยสนาม กทม. เขต 'พระโขนง-บางนา'

นาทีนี้ หลายพรรคการเมืองเริ่มประกาศตัว ว่าที่ผู้สมัครผู้แทนราษฎรในกรุงเทพมหานครกันครบ 33 เขตเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งส่วนใหญ่ มักจะเป็นผู้สมัครหน้าคุ้น ที่ต้องลุ้นว่าในสมัยหน้าพวกเขาเหล่านี้จะกลับเข้ามาทำงานและแก้ปัญหา กทม.ได้โดนใจคนกรุงมากน้อยแค่ไหน

อย่างไรก็ตาม ก็มีหลากหน้าผู้สมัครเลือดใหม่ ที่ต้องยอมรับว่าพรรษาอาจจะยังไม่ถึงขั้นบรมครู แต่เท่าที่รู้หลายคนมีดีกรีและความมุ่งมั่นที่น่าสนใจมาลองทำงานให้คนกรุงดูสักคำรบไม่น้อย เฉกเช่นเดียวกันกับเธอคนนี้ ‘มณีรัตน์ ลิมป์รัตนกาญจน์’ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย เขตพระโขนง-บางนา

ด้วยประสบการณ์ที่เคยร่วมงานกับบรรดาพรรคการเมืองและคนการเมืองชั้นนำของประเทศมามากมาย ในวันนี้ ‘มณีรัตน์ ลิมป์รัตนกาญจน์’ ดีกรีนักกฎหมายจาก King's College สาขาความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายองค์กรและพาณิชย์ ได้เลือกปักธงลงสมัคร ส.ส.ในนามพรรคภูมิใจไทย ด้วยมุมมองทางการเมืองที่คลิกตรงกัน นั่นคือ ‘พูดแล้วทำ’ ซึ่งเธอเชื่อในความเอาจริงเอาจังกับทุกเรื่องของพรรคนี้ เช่นเดียวกันกับบุคลิกส่วนตัวที่ ‘คิด-พูด-ทำ’ ในทุกๆ เรื่องที่โฟกัส

แม้ ‘มณีรัตน์’ จะแลดูเป็นคนรุ่นใหม่วัยเยาว์ แต่ประสบการณ์ในช่วงชีวิตที่ผ่านมา ต้องเรียกว่าโชกโชน ทั้งกับธุรกิจส่วนตัวที่เป็นผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ บริษัทที่ทำธุรกิจด้าน e-Commerce เจ้าแรกๆ ในประเทศไทย และเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของสินค้าหลากหลายแบรนด์ที่เอ่ยชื่อมาทุกคนล้วนรู้จักเป็นอย่างดี ซึ่งปัจจุบันนี้ธุรกิจดังกล่าวประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง มียอดขายและกำไรที่น่าพึงพอใจ ภายใต้ความตั้งใจในการที่จะให้ธุรกิจนี้ยืนอยู่และเดินหน้าได้อย่างยั่งยืนต่อเธอและผู้เกี่ยวข้อง

อย่างไรก็ตาม สนามธุรกิจ ที่เธอยังคงยืนเคียงข้างมาจนถึงปัจจุบัน ก็ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิตในช่วงระยะเวลาเกือบ 20 กว่าปีมานี้ แต่เธอยังคงเลือกเข้าไปมีบทบาทกับงานภาคประชาสังคม ภาคประชาชน รวมถึงการเข้าร่วมกับงานภาคการเมืองเท่าที่จะมีโอกาส โดยหวังว่าจะมีโอกาสได้ใช้ความรู้ความสามารถในด้านต่างๆ เข้ามาช่วยพัฒนากรุงเทพฯ โดยเฉพาะในมิติของสังคมและเยาวชน ที่เธอเชื่อว่า สังคมดีจะเกิดขึ้นได้จากรากฐานอย่างเยาวชนที่ดี

มณีรัตน์เริ่มมีโอกาสก้าวเข้าสู่บทบาทของงานภาคการเมืองและภาคสังคมควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจตั้งแต่ช่วงปี 2007-2008 โดยเธอได้มีโอกาสเข้าไปทำงานด้านกลยุทธ์ ในฐานะคณะกรรมด้านประชาสัมพันธ์ของพรรคประชาธิปัตย์

ต่อมาในปีเดียวกัน เธอก็ได้ร่วมงานในคณะทำงานด้านเยาวชนของนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งเธอมุ่งมั่นในการผลักดันนโยบายด้านเด็กและเยาวชน เพื่อนำเสนอกับผู้ว่าฯ กทม. เพราะถือว่านโยบายด้านเด็กและเยาวชนเป็นสิ่งที่สำคัญไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง ตนยอมให้ถูกมองว่าหน้าด้าน แต่ตนอยากให้ผู้ว่าฯ กทม.ทำนโยบายเพื่อเด็กนำไปเป็นกรอบในการปฏิบัติราชการต่อไป 

หลังจากนั้นในปี 2009 ก็ขยับขึ้นมาเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการ ด้านกิจการเยาวชนของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์บริพัตร

ไม่นานดีกรีของเธอก็ไปเตะตาอดีตขุนคลังโลกอย่าง คุณกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในยุคนั้น โดยเธอมีโอกาสใช้เวลาร่วม 2 ปี รับผิดชอบงานด้านสื่อประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างความกระจ่างต่อมาตรการและนโยบายของกระทรวงฯ ได้อย่างยอดเยี่ยม

ประสบการณ์คู่ขนานกับการเป็นนักธุรกิจ ทั้งงานภาคประชาสังคม ผนวกกับการคลุกคลีในวงการเมืองผ่านบทบาทต่างๆ ทำให้เธอเรียนรู้ว่า การทำงานเพื่อส่วนร่วมนั้น เป็นสิ่งที่ท้าทายไม่แพ้การทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ เพราะยิ่งทำให้เป้าหมายนั้นๆ บรรลุผลสัมฤทธิ์และเกิดประโยชน์ต่อคนหมู่มากเท่าไร ยิ่งทำให้เธอพยายามเรียนรู้แล้วเข้าใจปัญหาตื้นลึกหนาบางของพื้นที่กรุงเทพฯ ใหม่ๆ จนเรียกว่าเข้าใจกรุงเทพฯ ไม่น้อยหน้านักการเมืองรุ่นเก๋าเจ้าถิ่นกันเลยทีเดียว

และนี่คือช่วงเวลาของคนรุ่นใหม่อย่าง ‘มณีรัตน์ ลิมป์รัตนกาญจน์’ ผู้สมัคร ส.ส.ภูมิใจไทย เขตพระโขนง-บางนา กรุงเทพฯ ที่เธอบอกกับ THE STATES TIMES ถึงความพร้อมในการเป็นอีกทางเลือกเพื่อคนกรุงเทพฯ หลังจากพรรคภูมิใจไทย ตัดสินใจส่งเธอลงเขตนี้ บอกกับเธอว่า ถ้าอยากทำในสิ่งที่คิดและพูดด้วยความมุ่งมั่น ภูมิใจไทย พร้อมให้เธอมารับใช้พี่น้องชาวกรุงเทพฯ แบบไม่มีข้อปฏิเสธ...