นับถอยหลัง 'โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่' อีกตำนานเบอร์ 9 ของลิเวอร์พูล

ท่ามกลางกระแสซึ่งดูจะไม่ยอมลดราวาศอกลงง่าย ๆ กับศึกแห่งศักดิ์ศรีของฟุตบอลพรีเมียร์ลีก คู่ระหว่าง 'แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด' กับ 'ลิเวอร์พูล' ที่ตามสำนวนดั้งเดิมของเกาะอังกฤษเรียกว่าสงคราม 'Red Heat' ก่อนแปลงมาเข้ากับปากคนไทยว่า 'ศึกแดงเดือด' นับเป็นตำนานมหากาพย์แห่งสีเสื้อนับเกินร้อยปี

ผลการแข่งขันออกมาอย่างไรผมไม่ขอขยายต่อ

แต่สำหรับเหล่า 'เธอะ ค็อป' แล้ว มีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องให้ความสนใจมากกว่า เพราะไม่กี่วันก่อนหน้า ผู้เล่นหมายเลข 9 คนปัจจุบันของสโมสร 'โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่' (Roberto Firmino) เลือกจะไม่ต่อสัญญากับลิเวอร์พูลหลังจากจบฤดูกาลนี้ โดยเปิดเผยการตัดสินใจผ่านตัวแทนของเขาเอง ใจความว่า

"ผมมีเวลาของผม และมันก็ถึงเวลาที่จะต้องไป กับลิเวอร์พูลนั้นช่างเป็นช่วงที่ยิ่งใหญ่ งดงาม และประสบความสำเร็จที่สุดในชีวิตของผม ร่วมกับผู้จัดการทีม เพื่อนร่วมงาน กับพวกเขาทั้งหมดนั่น"

ปฏิกิริยาต่อการเอ่ยลาของบ๊อบบี้ครั้งนี้ แสดงออกให้เห็นจากทุกมุมของอัฒจันทร์แอนฟิลด์ ทันทีที่เขาย่างเท้าลงเหยียบสนามหญ้า และค่ำคืนนั้นเขายังปิดสกอร์ส่งท้ายด้วยรอยยิ้มอันแสนมีความสุขที่สุดครั้งหนึ่งเช่นที่เห็นกันตลอดมา

"หลังจากเรายิงประตูที่ห้าได้ ผมหันมองไปที่ม้านั่งสำรองเพื่อคุยกับผู้เล่นที่ต้องการอยากที่จะทำประตูต่อไปให้กับทีมในค่ำนี้ และเฟอร์มิโน่ก็พูดขึ้นมาว่า 'ผมจะลงครับ ผมต้องการทำประตู' จากนั้นไม่นานเขาได้ในที่สุด" เจอร์เก้น คล็อปป์ ยอดกุนซือจากเยอรมันกล่าวหลังเกมแดงเดือดอันน่าจดจำ

เชื่อว่าแฟนบอล 'ลิเวอร์พูล' วันนี้ส่วนใหญ่จะรู้สึกผูกพันกับบ๊อบบี้ เฟอร์มิโน่ เพราะเขาคือทุกอย่างของทีม ทุกครั้งที่ลงสนามเขาคือคนสร้างรอยยิ้มให้แฟนบอลได้อยู่เสมอ แต่หลังจากนี้ไป คงต้องเป็นผู้เล่นคนอื่นที่จะลงมาทำงานหนักแทนเขา

ครั้งหนึ่งคล็อปป์เคยพูดถึง 'โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่' ไว้อย่างจับใจ "...ทีมฟุตบอลก็เหมือนวงออร์เคสตรา คุณต้องการคนที่แตกต่าง เพื่อเล่นเครื่องดนตรีที่แตกต่างกัน บางชนิดดังกว่า บางชนิดดังไม่มาก แต่ทั้งหมดมีความสำคัญต่อจังหวะของเรา และสำหรับผู้เล่นอย่างบ๊อบบี้ เขาสามารถเล่นเครื่องได้ถึง 12 ชิ้นในวง!"

"...เป็นเรื่องปกติที่สิ่งนี้มันจะเกิดขึ้นหลังจากที่ตัวผู้เล่นสัญญาหมดลง และผู้เล่นเองได้ตัดสินใจลงไปแล้ว เราก็แค่ต้องเคารพต่อสิ่ง ๆ นั้น และค่ำนี้ ผมเชื่อว่าหลายคนน่าจะพอทราบมาบ้างแล้ว เขาจึงได้รับการต้อนรับอันแสนยอดเยี่ยม และประตูที่เขาทำคือประตูที่สนามแห่งนี้ต้องการมากที่สุด และอยากจะเห็นมากที่สุด" เจอร์เก้นพูดถึงนักเตะซึ่งเขามอบความรักให้ราวน้องชายร่วมอุทร
 

คำกล่าวของผู้จัดการทีมหงส์แดงคนปัจจุบันยังจะคงก้องกลางหัวใจสาวกเช่นคุณและผมตลอดกาล "...แน่นอนว่า 'โมฮาเหม็ด ซาลาห์' นั้นอยู่ในระดับโลก แต่ไม่ในทุกวัน เช่นเดียวกับ 'ซาดิโอ มาเน่' เขาก็ระดับโลก แต่ไม่ทุกวัน แต่กับ 'โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่' เขาเป็นระดับโลกในทุกๆ วัน"

ตลอดแปดฤดูกาลของบ๊อบบี้ ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่เขาจะทำให้แฟนรู้สึกคลางแคลงในความรักที่เขามีต่อเครื่องแบบสีแดงตัวนี้ เพราะตลอดทุกฤดูกาลเสื้อลิเวอร์พูล ดาวยิงบราซิลเลี่ยนผู้นี้มีจำนวนประตูที่ 'ยิง' แทบจะเทียบเท่ากันกับจำนวนที่เขา 'ป้อน' หรือ 'แอสซิสต์' ทีเดียว

เขาร่วมพาทีมคว้าแชมป์ครบทุกรายการเท่าที่ผืนพิภพนี้มีให้ นับแต่พรีเมียร์ลีก ลีกคัพ เอฟเอคัพ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ สโมสรโลก ถึงคอมมิวนิตี้ ชิลด์ ทั้งหมดนี้คือคำตอบของทุกคำถามที่ว่า "ทำไมเราควรต้องยินดีกับการเอ่ยลาครั้งนี้?"

'โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่' บนวัย 31 ปี คือนักเตะที่ใช้ชีวิตเรียบง่าย ตรงกันข้ามกับความมหัศจรรย์ที่เขาสร้างเมื่ออยู่ในสนาม เขามักมีรอยยิ้มแสนเปิดเผยกับคนรอบข้าง พอกันกับเรื่องปวดหัวที่เกิดแก่ศัตรูคู่แข่ง เขาคือดาวเด่นที่เล่นเพื่อ 'ทีม' มากกว่า 'ตนเอง' ซึ่งเราก็จะจดจำลีลา 'No Look Goal' สุดเท่ เราจะส่งเสียงร้อง 'Sim Senhor Bobby Firmino' ต้อนรับตำนานหมายเลข 9 ดุจเดียวกับตำนานอื่นๆ ทุกครั้ง

แล้วเรามาฉลองอำลาอย่างเป็นทางการอีกครั้งวันปิดฉากฤดู

 

เรื่อง: พรชัย นวการพิศุทธิ์