‘อรรถวิชช์’ ชูนโยบาย ‘ALL Service Center-ยกเลิกแบล็กลิสต์’ เน้น ‘สะดวก-รวดเร็ว-เท่าเทียม-เป็นธรรม’ เปิดโอกาสให้คนทำกิน

(7 มี.ค.66) นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวบทเวทีเสวนาเครือเนชั่น เปิดนโยบายพรรคการเมืองที่จะผลักดัน ‘นวัตกรรมนำไทย เชื่อมโลก’ ว่า พรรคชาติพัฒนากล้าเป็นพรรคใหม่ มีแนวคิดแบบเสรีนิยมประชาธิปไตย เน้นเรื่องการแข่งขัน สร้างโอกาส พรรคอื่นส่วนใหญ่มีแนวคิดเน้นเรื่องรัฐสวัสดิการเท่าเทียม แต่พรรคชาติพัฒนากล้า เน้นเรื่องโอกาสที่เสมอภาค ไม่ว่าจะรวยหรือจน สามารถเข้าถึงโอกาสในการแข่งขันได้ จึงนำเสนอ ‘นวัตกรรมสร้างโอกาส’ 2 เรื่องสำคัญ เรื่องแรกคือ ALL Service Center ราชการ 1 คำขอ จบครั้งเดียว เพราะทุกวันนี้เราใช้ระบบ One Stop Service แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเวลาไปยื่นขอใบอนุญาตประกอบกิจการหรือทำธุรกรรมกับรัฐ เกิดปัญหาล่าช้า ไม่มีการเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงาน ประชาชนต้องวิ่งไปยื่นเรื่องตามหน่วยงานต่าง ๆ เอง จะเริ่มประกอบธุรกิจขอใบอนุญาตก็ยากลำบาก 

เราจึงเสนอนวัตกรรมนโยบาย ‘ALL Service Center ราชการ 1 คำขอ จบครั้งเดียว’ ยื่นเรื่องครั้งเดียววิ่งไปทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สามารถติดตามเรื่องได้เหมือน แอปพลิเคชันส่งของ นวัตกรรมนี้จะช่วยเสริมให้การบริการภาครัฐสะดวกรวดเร็วขึ้น สร้างโอกาสให้ประชาชนสามารถประกอบอาชีพได้มากขึ้น สร้างการลงทุนกับผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศได้มากขึ้น

"สมมุติอยากจะเปิดโรงแรมโฮมสเตย์สปาเล็กๆ สักหนึ่งที่ ถ้าเป็นระบบเดิม ผู้ประกอบการจะต้องวิ่งไปหลายหน่วยงานเพื่อขอใบอนุญาต เช่น ขอใบอนุญาตประกอบโรงแรม ขอใบอนุญาตประกอบกิจการขายอาหาร ขอใบอนุญาตขายสุรา ใบอนุญาตประกอบกิจการสปา แต่ถ้าเป็นระบบ All Service Center ราชการ 1 คำขอ จบครั้งเดียว ยื่นเอกสารที่เกี่ยวข้องครั้งเดียว ระบบจะสามารถส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาได้ทันที สมรรถนะของรัฐมีความพร้อม ทั้งเรื่องกฎหมาย ความเข้าใจของประชาชน เทคโนโลยีที่ทั่วถึง สามารถทำให้นโยบายเกิดขึ้นได้จริง สร้างโอกาสให้คนประกอบธุรกิจได้สะดวกขึ้น" นายอรรถวิชช์ กล่าว

นายอรรถวิชช์ ยังนำเสนอนวัตกรรมสร้างโอกาสให้คนสามารถเข้าสู่สินเชื่อได้อย่างเป็นธรรม ด้วยการ ‘ยกเลิกแบล็กลิสต์ ใช้เครดิตสกอริ่ง’ โดยย้ำว่าพรรคชาติพัฒนากล้า ไม่ได้เสนอให้ยกเลิกบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติตามที่มีคนเข้าใจผิด แต่จะยกระดับการเก็บข้อมูลสินเชื่อของบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จากเดิมคนที่เคยติดหนี้เกิน 3 เดือน แม้จะหาเงินมาล้างหนี้ได้แล้ว จะถูกบันทึกประวัติค้างไว้อีก 3 ปี เหมือนถูกแช่แข็ง ไม่สามารถกู้เงินจากธนาคารได้ในช่วงเวลานี้ สภาวะนี้คือสภาวะที่เรียกว่าติดแบล็กลิสต์ 
.
เราจึงเสนอนวัตกรรมนโยบายเพื่อสร้างโอกาสให้คนเข้าถึงสินเชื่อได้ด้วยการใช้ ‘เครดิตสกอริ่ง’ นำข้อมูลการเงินทุกอย่างของบุคคล ทั้งการจ่ายหนี้ เงินเข้าเงินออกบัญชี ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ มาคิดเป็นคะแนนสินเชื่อ ใครได้คะแนนมาก กู้ได้มากดอกเบี้ยต่ำ ใครได้คะแนนน้อย กู้ได้น้อยดอกเบี้ยสูง

"การใช้เครดิตสกอริ่ง จะสร้างโอกาสให้คนที่ติดแบล็กลิสต์กว่า 5.5 ล้านคน สามารถกลับเข้ามากู้เงินในระบบได้ ไม่ถูกผลักเข้าสู่วงจรหนี้นอกระบบ เป็นคนจำนวนไม่น้อยที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศให้เดินหน้าต่อไปได้ และสามารถลดการผูดขาด เพิ่มการแข่งขันในบรรดาสถาบันการเงิน" นายอรรถวิชช์ กล่าว