พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ สั่งรวบผู้ต้องหาอ้างชื่อ ผู้ช่วย ผบ.ตร. หลอกผู้เสียหายหลายรายจะช่วยเอาทรัพย์สินที่ดินคืน จากกลุ่มนายทุนเงินกู้ เรียกค่าดำเนินการรวมหลักล้านบาท
คดีนี้สืบเนื่องจาก พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง รอง ผบ.ตร./ ผอ.ศปน.ตร. และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปน.ตร. ปราบปรามนายทุนเงินกู้นอกระบบ และ การกู้ยืมเงินที่ไม่เป็นธรรม รวมทั้งให้ความช่วยเหลือประชาชน เจรจาไกล่เกลี่ยรับคืนซึ่งทรัพย์สินที่ดิน อย่างต่อเนื่อง ทำให้มีผู้หาผลประโยชน์แอบอ้างว่าสามารถพาประชาชนผู้เดือดร้อนในพื้นที่ จว.เลย ไปพบ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. เพื่อให้การช่วยเหลือได้ โดยบุคคลดังกล่าว เรียก รับ เงินจากประชาชน อ้างเป็นค่าดำเนินการ
พล.ต.ต.สุรชัย สังขพัฒน์ผบก.ภ.จว.เลย, พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม ผบก.สส.ภ.4, พ.ต.อ.พงศ์ฤทธิ์ คงศิริสมบัติรอง ผบก.สส.ภ.4, พ.ต.อ.วิโรจน์สีน้ำเงิน รอง ผบก.สส.ภ.4,พ.ต.อ.ภาคภูมิพิศมัย รอง ผบก.สส.ภ.4, พ.ต.อ.ชาญณรงค์มากพิสุทธิ์ผกก.สืบสวน1 บก.สส.ภ.4 , พ.ต.อ.ตรีกฤช จงวิไล ผกก.สภ.ปากชม จึงสั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.จว.เลย และ บก.สส.ภ.4 บูรณการสืบสวนสอบสวน ในคดีนี้
พฤติการณ์กล่าวคือ ได้มีประชาชนผู้เสียหาย 2 ราย เข้าร้องทุกข์ต่อ พนักงานสอบสวน สภ.ปากชม จว.เลย แจ้งว่า เมื่อประมาณปี ๒๕๖๒ กลุ่มผู้เสียหาย ทราบว่า หากใครที่ได้รับความเดือดร้อนจากการที่ถูกนายทุนเงินกู้นอก ระบบยึดทรัพย์สินหรือที่ดินไป สามารถไปขอความช่วยเหลือจาก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ซึ่งเป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการปราบปรามขบวนการเงินกู้นอกระบบในขณะนั้น ซึ่งตัวผู้เสียหายเองก็ได้รับความเดือนร้อนจากการที่ ได้นำที่ดินไปขายฝากกับขบวนการปล่อยเงินกู้นอกระบบ จึงประสงค์ที่จะขอความช่วยเหลือจาก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ขณะนั้นเองมีคนแนะนำให้ทราบว่า นางสุภัทรา สงวนนามสกุล อายุ 40 ปี บ้านเลขที่ 308 หมู่ 12 ต.นาดินดำ อ.เมืองเลย จ.เลย สามารถพาไปพบ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ได้ ผู้เสียหายจึงติดต่อพูดคุยกับ นางสุภัทราฯ ซึ่งนางสุภัทราฯ รับปากว่าจะช่วย แต่จะต้องนำเงินมาให้ก่อนจำนวน 30,000 บาท โดยนางสุภัทราฯ อ้างว่า จะนำไปให้พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ฯ ผู้เสียหายทั้งสองราย จึงยินยอมหาเงินมาให้ แต่นางสุภัทราฯ ก็ยังไม่สามารถพาตนไปพบ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ฯ ตามที่กล่าวอ้างได้
ทั้งหลังจากนั้น ก็ยังคงขอให้ผู้เสียหาย นำเงินมาให้เพิ่มอีกหลายครั้ง รวมทั้งสิ้นแล้ว ทั้งสองราย สูญเงินไปกว่า 1 ล้านบาท ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าถูก นางสุภัทราฯ หลอกลวง จึงเข้าร้องทุกข์ต่อ พนักงานสอบสวน สภ.ปากชม ดำเนินคดีกับ นางสุภัทราฯ จากการสืบสวน พบว่า นางสุภัทราฯ เคยเป็นผู้เสียหายที่ได้รับการช่วยเหลือจาก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ฯ จนได้ทรัพย์สินที่ดินคืนจากนายทุนเงินกู้เช่นกัน แต่กลับมีพฤติการณ์ในการแอบอ้างชื่อของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผบ.ตร. ไปหลอกลวงประชาชน ให้หลงเชื่อว่านางสุภัทราฯ สามารถพาไปพบ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ และจะได้รับการช่วยเหลือ นำเอาทรัพย์สินที่ดินคืนจากนายทุนเงินกู้นอกระบบได้ ซึ่งมีประชาชนหลงเชื่อเป็นจำนวนมาก
ซึ่งขณะนี้มีประชาชนผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์แล้ว 2 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดเลย ออกหมายจับ นางสุภัทราฯ ในความผิดข้อหา "เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นเป็นการตอบแทนในการที่จะจูงใจหรือได้จูงใจเจ้า พนักงานโดยวิธีอันทุจริตหรือผิดกฎหมายให้กระทำหรือไม่กระทำการในหน้าที่อันเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่บุคคลใด” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143 ตามหมายจับศาลจังหวัดเลย ที่ 145/2565 ต่อมาในวันที่ 28 กรกฎาคม 2565 ได้จับกุมตัว นางสุภัทราฯ นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปากชม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย นอกจากนี้ จะทำการสืบสวนขยายผล ติดตาม ผู้เสียหายรายอื่นๆ ที่ถูก นางสุภัทราฯ หลอกลวงตามในลักษณะเดียวกันนี้เข้ามาแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อไป
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จากพฤติการณ์ในคดีดังกล่าว เป็นอีกครั้งที่พบการกระทำผิดในกรณีที่มีการแอบ อ้างชื่อกระผมเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในการหลอกลวงผู้เสียหาย เพื่อให้หลงเชื่อว่าตัวผู้กระทำผิดสามารถช่วยเหลือในการดำเนินการตามที่ผู้เสียหายต้องการได้ กระผมขอยืนยันว่า กระผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือรับรู้เกี่ยวกับการดำเนินการใดๆ ในการกระทำผิดในกรณีนี้แต่อย่างใด กรณีที่ประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลือกรณีถูกขบวนการปล่อยเงินกู้นอกระบบยึดทรัพย์สินและที่ดินไป สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ผ่านช่องทางสายด่วน 1599 หรือแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สถานีตำรวจทุกท้องที่ได้ทั่วประเทศ และอยากจะประชาสัมพันธ์ให้ทั้งสื่อมวลชนและประชาชนได้ทราบว่า กระผมขอย้ำว่า กระผมไม่มีนโยบายในการแสวงหาผลประโยชน์อันมิชอบด้วยกฎหมายด้วยวิธีใดๆ แน่นอน ซึ่งหากพบกรณีแอบอ้างอีก จะสั่งการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดทุกรายจนถึงที่สุด