'ทักษิณ' เปิดใจอยากเป็นอมตะ สั่งเสียครอบครัว 'ตายแล้วไม่ต้องเผา'

(26 ก.ค. 2565) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเนื่องในวันคล้ายวันเกิด 73 ปี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นอกจากบรรดาแกนนำพรรคเพื่อไทย คนใกล้ชิด ส.ส. สมาชิกพรรคเพื่อไทย จะร่วมอวยพรวันเกิดนายทักษิณ ผ่านช่องทางต่างๆแล้ว โดยในปีนี้บรรดาลูกชาย ลูกสาว ทั้งนายพานทองแท้ น.ส.พินทองทา น.ส.แพทองธาร รวมทั้งลูกเขย ลูกสะใภ้ หลาน ๆ ในครอบครัว ต่างร่วมเดินทางบินไปร่วมฉลองวันเกิด ซึ่งบรรดาลูกๆร่วมกันจัดทำคลิปวิดีโอ “Long distance call” ความยาวประมาณ 14.40 น. ให้กับนายทักษิณ ด้วย โดยในคลิปเป็นลักษณะการถาม ชวนคุยให้นายทักษิณ เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ในอดีต และบอกเล่าถึงอนาคตวันข้างหน้า

ในช่วงต้น ผู้จัดทำคลิปถามว่า วันที่หลาน น้อง ๆ โตขึ้นอีก 10-20 ปี ได้เห็นคลิป ได้อ่านประวัติศาสตร์อันนี้ จะอธิบายอย่างไร และวันนั้นอาจจะไม่ได้อยู่เล่าให้ฟัง แต่เมื่อได้บันทึกไว้แล้วอยากจะบอกอะไร นายทักษิณกล่าวว่า หลานผม ตอนเอมิ นานิ (ลูกแฝด น.ส.พินทองทา) 2 ขวบครึ่ง ไปเจอผมที่ลอนดอน วันที่เขากลับบ้าน

ถามว่า ทำไมคุณตาไม่กลับไปกับพวกเรา แม่เขาก็อธิบายเรื่องราวเป็นอย่างไร แล้วเขาก็ถามว่า ใครแกล้งคุณตา 2 ขวบครึ่ง พวกหลานผม attract พ่อแม่กับตายายแล้วก็จะรู้เรื่อง เด็กสมัยนี้ฉลาด จำได้หมด ผมถือว่า Happiness at home ความสุขอยู่ที่บ้าน เมื่อกลับบ้านไปแล้ว ทำให้กระชุ่มกระชวยมีกำลังใจในการต่อสู้ ในชีวิต ความโง่ มาก่อนความฉลาด

เมื่อถูกถามว่า รู้สึกว่าตัวเองโง่ที่สุด เรื่องอะไร นายทักษิณ กล่าวว่า ผมอาจจะโง่เรื่องคน ประสบการณ์เป็นคนบ้านนอก ชีวิตเราง่าย ๆ อยู่บ้านนอกโตบ้านนอก พอมาอยู่กรุงเทพฯ ชีวิตมันก้าวกระโดด มันผ่านสังคมกรุงเทพฯ น้อยไป สังคมของ Elite น้อยไป เราเลยไม่ได้อยู่ในสังคม Elite แม้ฐานะเราอยู่ใน Elite แต่แทนที่จะไปคบสังคม Elite กลับไปเข้าการเมือง เลยกลายเป็นคนซื่อบื้อคนหนึ่ง

ซึ่งอันนี้ต้อง blame(ตำหนิ) ตัวเองว่า เหมือนกับเรายังไม่รู้วิธีอยู่ในป่า เราไม่เข้าใจ เราถูกปล่อยเข้าไป บางทีเขาบอกว่า say yes อาจจะมี no ซึ่งเราไม่เข้าใจ เราแค่ yes คือ yes และ no คือ no พอเราเป็นเจอ yes but mean no เราตายแล้ว เพราะเราคิดว่าคนทุกคนคงเหมือนเรา เพราะชีวิตเราง่ายมาก แต่ชีวิตของคน elite ยิ่งเป็นนาน ๆ ยิ่ง complicate เร้นลับซับซ้อน อันนี้คือสิ่งที่ผมต้องเรียนรู้ แต่ไม่คิดจะเรียนรู้แล้ว แก่แล้ว เอาความรู้ที่เป็นวิชาการ สอนหนังสือไป อบรมลูกหลาน ไม่ได้ถึงกับ เฮิร์ต แต่เสียดายตัวเอง น่าจะเป็นประโยชน์กับบ้านเมืองได้มากกว่านี้

“ผมไม่เคยกลัวตาย ถูกลอบสังหารมา 4 รอบ ผมเฉย ๆ ผมถือว่า ถ้าคนเรา มันจะตายมันก็ตาย มันยังไม่ตายก็คือยังไม่ตาย”

เมื่อถูกถามว่า ทั้ง 4 ครั้ง ให้อภัยหมดหรือไม่ นายทักษิณบอกว่า มันเป็นเรื่องที่ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เพราะผมก็ไม่ค่อยเชื่อ ชาติที่แล้ว ชาติหน้า ก็ไม่รู้เป็นกรรมเป็นเวรอะไร ผมก็รู้ ใครเป็นคนทำ เรื่องนี้ ภายในครอบครัวเรารู้หมด เพราะไม่อยากให้เขาไปเจอคนไม่คิดดีกับเรา เมื่อเจอแล้วจะได้ระวังตัว แค่นั้นเอง

นายทักษิณบอกอีกว่า ในภาพอนาคต 20-30 ปี ตัวเองอาจไม่ได้อยู่ทันเห็น แต่ระหว่างที่เราอยู่ ไม่รู้ พระเจ้าจะเอาเราไปเมื่อไหร่ แต่ระหว่างที่อยู่ ก็ทำตัวให้เป็นประโยชน์กับคนที่เรารักและที่เขารักเรา คนที่ไม่รักเรา ทำให้เขารักเรามันยาก คนที่รักเราอยู่แล้วก็อย่าให้เขาผิดหวัง คนที่อยู่ตรงกลาง รักบ้าง ไม่ได้รัก ไม่ได้เกลียดอะไร ก็ให้เขาเข้าใจ ทุกวันนี้ไม่ได้มีอะไรเลย เป็นบุคคลอยู่เมืองนอก กลับประเทศก็ไม่ได้ แต่ยังมีคนที่รัก เวลาเรารักลูกก็อยากให้เขาไม่ต้องลำบากเหมือนเรา ตอนที่สร้างตัวเองมา เน้นเรื่องงาน เพราะว่าทุกอย่างบีบคั้น โดยเฉพาะการเงิน

แต่ผมก็เป็นคนที่ขอกำลังใจจากการอยู่กับครอบครัวตลอดเหมือนกัน ตั้งแต่ลำบาก ผมเวลาเครียดเก็บไว้กับตัวเอง เมื่อคิดจนตกผลึกแล้วก็มาคุยกับคุณหญิง บางทีคิด คุณหญิงยังดุเลยว่า ทำไมเธอไม่พูดออกมา ก็พยายามคิด เอาเงินตรงไหนอย่างไร พอพูดออกมาปุ๊บ

คุณหญิงก็ช่วยคิดให้ บางทีก็ไปช่วยกู้ให้ด้วย ในช่วงลำบาก ตังไม่มีหมุนจนไม่มีอะไรไปค้ำประกันแล้ว ก็ใช้เครดิตส่วนตัวไปแลกเช็ก พอแลกมาได้สัก 3 แสน วันศุกร์เย็น ชวนครอบครัวไปพัทยา สมัยก่อนไปก็หมดสักหมื่นนึง ไปพักผ่อน ลืม ๆ เรื่องเครียด ไปว่ายน้ำไปเล่นกับลูก กินอาหารทะเลริมชายหาด ทำให้ผ่อนคลาย ลืมไป วันอาทิตย์กลับมาถึงบ้าน ก็เริ่มคิดต้องทำอะไรต่อ วันจันทร์ก็ลุยใหม่

อยู่เมืองนอก ยังต้องโทรกลับบ้านทุกวัน โทรหาลูกบ้าง คุณหญิงบ้าง นาน ๆ ก็ขอวิดีโอคอลกับหลานหน่อย กลัวหลานลืม(หัวเราะ) การเมืองเป็น zero sum game ถ้าเราสุข เขาจะทุกข์ ถ้าเราทุกข์ เขาจะสุข ทำไมไปทุกข์เพื่อให้เขาสุข เราต้องสุขเพื่อให้เขาทุกข์ อันนั้นก็เจอหน้าผม ถ่ายรูปทีไร ดูผมไม่ทุกข์ 16 ปีแล้วนะ ไม่ทุกข์ ชีวิตต้องดำเนินต่อไป คนที่รักเรา ก็จะได้มีความสุขไปด้วย

ถามอีกว่า เราอธิบายตัวเอง ครอบครัว คุณทักษิณ ยืนมองกระจกกำลังเห็นใคร นายทักษิณ ตอบว่า เห็นคุณหญิง ผมสงสารคุณหญิง คือผมตัดสินใจจะกลับเมืองไทย เพราะว่าคุณหญิงรับภาระไว้เยอะ รับภาระแทนผมไว้เยอะ สงสาร ก็เมื่อถ้ากลับไปแล้ว ได้กลับไปอยู่กับครอบครัว มันก็จบทุกอย่าง เมื่อกลับไปอยู่กับครอบครัวแล้ว ผมก็ต้องทำตัวให้แข็งแรงขึ้น เพื่อชดเชยเวลาที่หายไป ผมต้องเล่นกับเทคโนโลยีมากขึ้น เพราะเราไม่สามารถที่จะเดินทางได้เยอะเหมือนเมื่อก่อน ต้องใช้เทคโนโลยีช่วย เพื่อช่วยไม่ให้ตัวเองบกพร่อง หลานผมจะทำ คือสามารถเซตเวลาและสถานที่ เพื่อบอกว่า วันที่เท่านั้น เวลานั้น ไปอยู่ตรงนั้น จะได้เห็นผมกับเสียงผม เหมือนได้อวยพรวันเกิดเขาทุกปี เผื่อไว้ เป็นแบบนั้น

ถามว่า ไม่ได้คาดหวัง หลานต้องต่อสู้เป็นผู้นำประเทศ นายทักษิณตอบทันทีว่า "ไม่ เขาคิดเองเป็น เพียงแต่ว่า เราต้องการให้เราอยู่กับเขา รักและห่วงใยเขา มีกำลังใจเหมือนกับมี ตาอยู่ด้วยตลอด แล้วผมเอง สั่งครอบครัว ตายไม่เผา ให้เก็บไว้ ให้เก็บร่างไว้ไม่ให้เผา นี่คือสิ่งที่ ผมต้องการให้การต่อสู้ของผม ให้ชีวิตผม เป็นอมตะของครอบครัวของลูกหลาน"


ที่มา : https://www.thaipost.net/hi-light/187973/