สตช. ฝากเตือนภัยการกู้เงินนอกระบบ การทวงหนี้ที่ผิดกฎหมายการปล่อยกู้ที่ไม่ได้รับอนุญาต มีโทษหนักถึงจำคุก

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอเตือนภัยการกู้เงินนอกระบบ โดยปัจจุบันยังคงอยู่ในห้วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของประชาชนบางส่วน จึงมีความจำเป็นต้องไปกู้เงินจากแหล่งเงินกู้ต่าง ๆ มากขึ้น ซึ่งก็มีเหล่ามิจฉาชีพที่ฉวยโอกาสนี้แฝงตัวมาในรูปแบบของแหล่งเงินกู้นอกระบบและได้กระทำความผิดรูปแบบต่าง ๆ โดยการกระทำความผิดที่พบคือการเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราและการทวงหนี้ที่ผิดกฎหมาย ทำให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินในรูปแบบต่างๆ ได้

พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กำหนดให้ปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของประชาชนเป็นวาระแห่งชาติ และได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีมาตรการให้ความช่วยเหลือประชาชน สร้างการรับรู้แนวทางป้องกันและหากพบการกระทำผิดให้ดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมาย เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาและดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มอบหมายให้ พล.ต.อ.สุทิน ทรัยพ์พ่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศปน.ตร.) สั่งการไปยังกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) และ ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศปน.ตร.) และหน่วยงานอื่น ๆ ในสังกัดที่เกี่ยวข้อง เร่งทำการสืบสวนสอบสวนปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ รวมถึงนายทุนและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกรายอย่างจริงจังต่อเนื่องเด็ดขาด เพื่อให้ได้ผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรม

ดังเช่นกรณีที่ปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์ ได้นำเสนอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ (20 ก.ค. 65) ที่ผ่านมาในพื้นที่ อ.เมือง จว.ลำพูน โดยลูกหนี้รายหนึ่งซึ่งมีอาชีพค้าขายในตลาดแห่งหนึ่งได้ไปกู้เงินนอกระบบจากเจ้าหนี้หลายเจ้ารวมเงินต้นประมาณ 12,000 บาท ต่อมาได้มีคนมาติดตามทวงหนี้ที่บ้านเกิดเหตุหลายครั้งมีการพูดจาข่มขู่และปาของเข้าไปในบ้านทำให้ทรัพย์สินได้รับความเสียหาย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ สอบปากคำพยานและดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย  
โดยต่อมาในที่ 23 ก.ค. 65 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุในคดีนี้ได้แล้วจำนวน1ราย ส่วนอีก 1 ราย อยู่ระหว่างหลบหนี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดลำพูน ในข้อหา ร่วมกันทวงถามหนี้ลักษณะข่มขู่ลูกหนี้หรือกระทำการอื่นใดที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของลูกหนี้หรือผู้อื่นฯ และได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิดตามกฎหมาย โดยหากมีการทวงหนี้โดยฝ่าฝืน พ.ร.บ.การทวงถามหนี้ฯ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะการข่มขู่ การใช้ความรุนแรง การใช้วาจาดูหมิ่นหรือการเปิดเผยข้อมูลการเป็นหนี้ของลูกหนี้ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท ส่วนผู้ที่ประกอบธุรกิจสินเชื่อโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุก 1-5 ปี ปรับตั้งแต่ 100,000-500,000 บาทและการเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท และหากมีการตรวจสอบพบทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิด ก็อาจมีความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ หรือกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากสถิติของ ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทาความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตารวจแห่งชาติ (ศปน.ตร.) พบว่าในช่วงระหว่างวันที่ (1 ต.ค. 64 – 30 มิ.ย. 65) มีการแจ้งการกระทำความผิดซึ่งเกี่ยวข้องกับเงินกู้นอกระบบกว่า 1,664 เรื่อง ซึ่งได้ดำเนินการแล้วเสร็จไปแล้ว 1,446 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 86 อยู่ระหว่างดำเนินการ 218 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 14 โดยการกระทำความผิดที่ได้รับแจ้งมากที่สุด 3 อันดับ คือ การเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตรา ,การปล่อยกู้ออนไลน์, และการทวงหนี้ผิดกฎหมาย ซึ่งทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดําเนินการสืบสวนสอบสวนจับกุมผู้กระทําความผิดต่อไป รวมถึงขอฝากประชาสัมพันธ์ถึงวิธีหลีกเลี่ยงการถูกทวงหนี้นอกระบบด้วยรูปแบบต่างๆ และแนวทางการป้องกัน ดังนี้

1. หากถูกแก๊งทวงหนี้ แอบอ้าง ข่มขู่ ควรตั้งสติให้ดี อย่าตื่นตระหนก รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาตรวจสอบหรือให้ความช่วยเหลือ
2. ทำการบันทึกข้อมูลการสนทนา ภาพถ่าย คลิปวีดีโอ เอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องไว้ เพื่อใช้ในการดำเนินคดีภายหลัง
3. หากมีความจำเป็นต้องกู้เงิน ควรกู้จากสถาบันการเงินที่น่าเชื่อถือและตรวจสอบได้
นอกจากนี้ หากพบเห็นเบาะแสการกระทำผิด สามารถแจ้งไปยัง Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง