คู่เอกประจำวัน ‘บิ๊กตู่-อมรัตน์’ ซัดกันนัว หลังถูกกล่าวหาก้าวล่วงสถาบัน

วันนี้ (21 ก.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้ชี้แจงว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมาตนติดภารกิจกราบสมเด็จพระสังฆราช เนื่องในโอกาสวันอาสาฬหบูชาถวายเทียนพรรษา ขอมอบช่วงเวลาอันเป็นมงคลให้ทุกท่านด้วย สุดแล้วแต่ใครจะรับได้หรือไม่ได้ ทุกอย่างเป็นไปตามกรรม ทำกรรมดี ก็ได้รับกรรมดี ทำกรรมไม่ดี ก็จะปรากฏต่อไป ตนพยายามทำให้ดีที่สุด แต่อาจไม่ดีในสายตาของท่านก็ไม่เป็นไร วันนี้ท่านบอกว่า ชื่อตนมีความหมายนู่นนี่ ก็ไปคิดเอาว่าตู่กับเตี้ยความหมายเหมือนกันหรือไม่ ก็คงไม่เหมือน ไปดูว่าใครทำประโยชน์มากกว่า ตนเห็นท่านเคลื่อนไหวอยู่ข้างนอกตลอดเวลา ท่านบอกว่าศึกษาประวัติศาสตร์ ก็ขอให้ศึกษาประวัติศาสตร์ ส่วนที่ดีไว้บ้าง สิ่งที่ท่านทำหลายๆ อย่างวันนี้ ก็ปรากฏแล้ว ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับการก้าวล่วงสถาบันของชาติ ซึ่งตนรับไม่ได้อยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทำให้ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นประท้วงทันที โดยถามนายกฯ ว่าตนก้าวล่วงสถาบันตรงไหน ข้อหานี้ผิดมีโทษร้ายแรง อยู่ดีๆ จะปากพล่อยว่าคนอื่นแบบนี้ได้อย่างไร อย่ามั่วเที่ยวพูดตีขลุม นายกฯ จึงตอบโต้ว่า ตนไม่ได้พูดอะไรเกินความเป็นจริงเท่าไหร่ ถ้าดูในคดีต่างๆ ก็มีหลายคดี เตรียมต่อสู้คดีแล้วกัน 

นางอมรัตน์ จึงประท้วงอีกครั้ง โดยขอให้นายกฯถอนคำพูด เพราะมาตรา 112 ร้ายแรง จะมาป้ายให้ใครๆ แบบนี้ได้อย่างไร อย่ามั่ว ต้องถอนคำพูด ขณะที่ นายกฯ ยืนยันว่า “ผมไม่ถอนครับ” จากนั้น ประธานในที่ประชุม กล่าวว่า ขอให้ฟังประธาน เราอภิปรายเขาก็หนัก จึงไม่มีอะไรต้องถอน ดีที่สุดคือต้องระมัดระวัง

พล.อ.ประยุทธ์ จึงชี้แจงต่อถึงการก่อสร้างแท่นประดิษฐานปรับปรุงภูมิทัศน์พระบรมราชานุสาวรีย์ เดิมมีการจัดซื้อจัดจ้างโดยผู้ประกอบการ 3 ราย ผู้ชนะการคัดเลือกเสนอวงเงินก่อสร้าง 59 ล้านบาท ระหว่างการก่อสร้างบริษัทคู่สัญญาได้แจ้งความประสงค์บริจาคสิ่งปลูกสร้างที่แล้วเสร็จ โดยไม่ขอรับเงินค่าจ้างที่ระบุไว้ในสัญญา โดยกรมยุทธโยธาทหารบกได้ส่งคืนงบประมาณดังกล่าวที่ยังไม่มีการเบิกจ่ายแก่กองทัพบกแล้ว พร้อมทั้งชี้แจงสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ว่า เราไม่ได้ใช้งบของทางราชการ แต่ดำเนินการภายใต้ผู้มีจิตศรัทธา 

นายกฯ ชี้แจงถึงที่มีผู้อภิปรายค่าโง่คดีคลองด่าน ยืนยันว่า ให้ความสำคัญ โดยสั่งการให้กรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) โดย กรมควบคุมมลพิษ ต่อสู้คดีให้ถึงที่สุด มีการยื่นคำร้องไปแล้วเพื่อขอให้ศาลวินิจฉัยเกี่ยวกับคำพิพากษาศาลฎีกากับศาลปกครอง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา ตนไม่อาจก้าวล่วง ส่วนการอายัดทรัพย์สินเหล่านั้น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้อายัดทรัพย์สินของกิจการร่วมค้าที่รับเงินตามคำพิพากษาไปแล้วเมื่อปี 2558 งวดที่ 1 ให้ตกเป็นของแผ่นดิน และ ปปง.ได้ยื่นร้องต่อศาลแพ่ง ดำเนินการอายัดสิทธิเรียกร้องที่กรมควบคุมมลพิษจ่ายให้แก่กิจการร่วมค้า ในงวดที่ 2 และ 3 ศาลแพ่งก็มีคำสั่งอายัดแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างรอฟังคำสั่งของศาลปกครองสูงสุด

นายกฯ ระบุต่อว่า ส่วนกรณีการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดจีที 200 นั้น กระทรวงกลาโหมได้ดำเนินคดีกับเอกชนที่เป็นคู่สัญญา 13 คดี ปัจจุบันคดีถึงที่สุดแล้ว 5 คดี อยู่ระหว่างพิจารณาของศาล 6 คดี ชั้นอัยการ 2 คดี ฟ้องเรียกค่าเสียหายไป 747 ล้านบาท มีการชดใช้ค่าเสียหายมาแล้ว 17 ล้านบาท อยู่ระหว่างการติดตามคดีที่คั่งค้างอยู่ เรื่องจีที 200 เป็นปัญหาทั้งโลก มีการใช้ในสงครามต่างๆ มากมาย เช่น สงครามอิรัก สนามบินต่างๆ ก็ใช้ หลายประเทศก็มีการฟ้องร้องเช่นกัน 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนการเพิ่มอัตราค่าไฟในอนาคต เพราะ กฟผ.ต้องแบกหนี้สินมากกว่า 1 แสนล้านบาท เพราะมีต้นทุนสูงขึ้น แต่ กฟผ.ไม่มีการปรับค่าเอฟทีตั้งแต่ปีที่แล้ว ขาดทุนไป 38,000 ล้านบาท ปีนี้อีก 44,000 กว่าล้านบาท รวมแล้ว 83,000 ล้านบาท การแก้ปัญหาไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อย่างที่หลายคนพูด

นายกฯ กล่าวต่อว่า วันนี้สถานการณ์โลก ประเทศเราเป็นเพียงประเทศเดียวหรือไม่ ที่ได้รับผลกระทบ ตนมีตัวเลขของหลายประเทศเมื่อเทียบกับไทย คิดว่า ตนทำได้มากกว่าในการดูแลประชาชน แต่แน่นอนว่า รายได้ต้องลด รัฐบาลก็มีมาตรการเฉพาะกลุ่มเพื่อช่วยดูแล ทั้งหมดเราใช้งบประมาณสูงมาก อาจจะมองว่า รัฐบาลกู้เยอะ แต่ก็จำเป็นต้องกู้ ขณะเดียวกัน เราก็มีทุนสำรองมากพอสมควร ที่จะสร้างความเชื่อมั่นในระบบการเงิน การคลัง ในระดับสูง และมีขีดความสามารถในการชำระหนี้สาธารณะสูงอยู่ เราไม่ได้อยู่ในสถานะรัฐล้มเหลว ทุกคนยังเชื่อมั่น ยังพุ่งเป้าให้ไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียนเรื่องการลงทุน ต่างประเทศมองไทยต่างจากที่คนไทยมองกันเอง สิ่งนี้สำคัญมาก การจะพูดอะไรที่กระทบกับการต่างประเทศ หรือประเทศเพื่อนบ้านขอให้ระวังอย่างยิ่ง เพราะมีการพึ่งพาอาศัยกัน เป็นเรื่องของประชาชนต่อประชาชน มูลค่าการค้าขายชายแดนจำนวนมหาศาลที่ขณะนี้สูงขึ้น ทำให้ประเทศอยู่ได้ในเวลานี้ 

“ยืนยันว่า ไม่ใช่ไม่ดีทุกเรื่อง ไม่ใช่เลวที่สุด ไม่ใช่แย่ที่สุด ท่านมีความมุ่งหวังอะไรผมก็ไม่ทราบ เวลานี้ควรรวมพลังคนไทยทั้งชาติ แก้ปัญหาบ้านเมือง มากกว่ามัวทะเลาะเบาะแว้งกัน ท่านพูดแรง ผมก็อดไม่ได้ แต่ผมก็ให้เกียรติท่านอยู่แล้ว เวลาท่านโจมตีผม ถึงจะรับไม่ค่อยได้ ผมก็ต้องรับ เพราะเป็นนายกฯ ถามว่า ในห้องนี้มีสักกี่คนที่เป็นนายกฯมาก่อน ผมย่อมมีประสบการณ์มากกว่าท่าน แต่จะพูดแข่งกับท่าน ส่อเสียดให้ร้าย ผมสู้ท่านไม่ได้หรอก ผมยอมท่าน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว