'ผู้ช่วยฯโจ๊ก' สั่งเชือด ผกก. กับพวกรวม 5 คน อ้างชื่อ หลอกเอาเงิน ว่าจะช่วยประกันตัว สูญเงินกว่า 6 ล้าน

'ผู้ช่วยฯโจ๊ก' สั่งเชือด ผกก. กับพวกรวม 5 คน อ้างชื่อ หลอกเอาเงิน ว่าจะช่วยประกันตัว สูญเงินกว่า 6 ล้าน

เมื่อวันที่ (19 ก.ค. 2565) ที่ สน.ปากคลองสาน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยว่า จากกรณีได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.ธิรวรรณ์ เขียวงาม ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของ นาย Ritesh Patel ชาวอังกฤษ ซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ภายในสถานกักกันคนต่างด้าว กก.3 บก.สส.สตม. ว่ามีบุคคลแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และมีความสนิทสนมใกล้ชิดกับ ตน สามารถช่วยเหลือทางคดีและสามารถประกันตัว นาย Ritesh Patel ได้ ทำให้ น.ส.ธิรวรรณ์ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้มอบเงินกว่า 6,000,000 บาท ให้กับกลุ่มผู้ต้องหา แต่ปรากฎว่าจนถึงปัจจุบัน นาย Ritesh Patel ก็ยังไม่ได้รับการประกันตัวหรือได้รับการปล่อยตัวแต่อย่างใด นั้น

 

ตนจึงได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ต่อศักดิ์ ปานกลิ่นพุฒ ผกก.สน.ปากคลองสาน และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วนเนื่องจากกลุ่มผู้ต้องหามีการแอบอ้างผู้บังคับบัญชาระดับสูงเพื่อให้มีการดำเนินคดีผิดไปจากระเบียบ ข้อบังคับ หรือกฎหมาย

จากการสืบสวนและทำให้ทราบพฤติการณ์ในคดี กล่าวคือ เมื่อวันที่ (27 มิ.ย. 65) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัว นาย Ritesh Patel ชาวอังกฤษ ซึ่งพบว่ามีหมายแดง (หมายจับตำรวจสากล) และถูกส่งตัวไปกักขังเพื่อรอดำเนินการส่งกลับไปยังประเทศอังกฤษ ไว้ที่สถานกักกันคนต่างด้าว กก.3 บก.สส.สตม. โดยในระหว่างที่ นาย Ritesh Patel ผู้ต้องกัก ได้อยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองนั้น ได้มี น.ส.ธิรวรรณ์ ผู้เสียหาย เข้ามาติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอประกันตัวผู้ต้องกัก แต่ไม่ได้รับการอนุญาตให้ประกันตัว ต่อมา น.ส.ธิรวรรณ์ฯ จึงได้ขอความช่วยเหลือเรื่องประกันตัวไปยัง นายธนัญวัธน์ ธนันธัญภัทรน์ 

ซึ่ง นายธนัญวัธน์ฯ แจ้งว่า ได้มี นายวิทยา สงวนนามสกุล อ้างว่าสามารถช่วยประสานดำเนินการในประกันตัวผู้ต้องกักได้ เนื่องจากตนรู้จักกับ พ.ต.อ.ราเมศ ขอสงวนนามสกุล ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน ภ.จว.แม่ฮ่องสอน ซึ่งอ้างว่าเป็นชุดทำงานและเป็นเพื่อน นรต.รุ่นเดียวกับ ตน มั่นใจได้ว่าจะสามารถทำเรื่องประกันตัวหรือทำให้ได้รับการปล่อยตัวอย่างแน่นอน ทำให้ น.ส.ธิรวรรณ์ฯ และ นายธนัญวัธน์ฯ หลงเชื่อว่าสามารถดำเนินการได้จริง โดยนายวิทยาฯ ได้แจ้งว่าต้องมีค่าดำเนินการที่จะต้องชำระให้กับนายวิทยาฯ จำนวน 6 ล้านบาทให้เรียบร้อยก่อน

ต่อมาเมื่อวันที่ (29 มิ.ย. 65) เวลาประมาณ 15.00 น. ขณะที่ผู้ต้องกักอยู่ในความควบคุมที่สถานกักกันคนต่างด้าว (บางเขน) นายธนัญวัธน์ ฯ ได้เดินทางมากับ นายวิทยาฯ เข้าติดต่อร้อยเวรรักษาการณ์ประจำสถานกักกันคนต่างด้าว (บางเขน) เพื่อขอพบกับผู้ต้องกัก ซึ่งร้อยเวรรักษาการณ์แจ้งว่าไม่สามารถเข้าพบได้ แต่นายวิทยาฯ ได้พยายามให้พูดคุยโทรศัพท์กับบุคคลซึ่งอ้างตัวว่าคือ พ.ต.อ.ราเมศฯ เป็นชุดทำงานของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล จะขอติดต่อเข้าพบผู้ต้องกักคนดังกล่าว และยังอ้างว่าผู้ต้องกักดังกล่าวเคยทำงานเป็นสายให้กับตนเอง และพยายามจะขอให้เข้าพบผู้ต้องกัก แต่ร้อยเวรรักษาการณ์ก็ได้ปฏิเสธเนื่องจากขัดต่อระเบียบปฏิบัติและให้ติดต่อกับผู้บังคับบัญชาโดยตรง ต่อมา นายวิทยาฯ ได้แจ้งให้นายธนัญวัธน์ฯ และ น.ส.ธิรวรรณ์ฯ ไปทำการโอนเงินตามบัญชีธนาคารที่นายวิทยาฯ แจ้งไว้ โดยให้โอนให้ครบตามจำนวน ยอดรวมเป็นเงิน 6,000,000 บาท 

เมื่อโอนเงินครบแล้ว นายธนัญวัธน์ฯ ได้พยายามติดต่อเรื่องการขอประกันตัวกับ นายวิทยาฯ แต่ก็นายวิทยาฯ ก็บ่ายเบี่ยงมาโดยตลอดและไม่สามารถติดต่อได้ในภายหลัง น.ส.ธิรวรรณ์ฯ จึงเชื่อว่าถูกหลอกลวงเอาเงินไปโดยทุจริต ทำให้ได้รับความเสียหาย จึงได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ปากคลองสาน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

จากการสืบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า นายวิทยา ได้มีการติดต่อกับ พ.ต.อ.ราเมศ ในห้วงเวลาเกิดเหตุจริง และมีพยานบุคคลยืนยันว่าบุคคลทั้งสองได้มีการกล่าวอ้างถึง ตนซึ่งเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ในการติดต่อขอประกันตัวหรือขอเข้าพบผู้ต้องกักเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และได้ทำการหลอกลวงผู้เสียหายว่าสามารถจะช่วยเหลือได้จริง โดยให้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารที่กำหนดไว้ รวมความเสียหาย 6,000,000 บาท ซึ่งจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า ได้มีการโอนเงินต่อไปยังบัญชีธนาคารของ พ.ต.อ.ราเมศ และบัญชีอื่นๆ ของบุคคลในครอบครัวของ พ.ต.อ.ราเมศ รวมทั้งบัญชีธนาคารของนายวิทยา  จึงเชื่อได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดจริงโดยแบ่งหน้าที่กันทำ

จากข้อมูลดังกล่าว พนักงานสอบสวน สน.ปากคลองสาน จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน และได้มีการออกหมายเรียกผู้ต้องหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดดังกล่าว ทั้งเป็นผู้หลอกลวง และเป็นเจ้าของบัญชีที่รับโอนในเบื้องต้น จำนวน 5 ราย ประกอบด้วย
(1.) พ.ต.อ.ราเมศ  ขอสงวนนามสกุล ผกก.กลุ่มงานสอบสวน ภ.จว.แม่ฮ่องสอน
(2.) นายวิทยา ขอสงวนนามสกุล อายุ 67 ปี อยู่ที่ ซอยเปรมฤทัย9 ต.ท่าทราย อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี
(3.) นายอภิรักษ์ ขอสงวนนามสกุล อายุ 43 ปี อยู่ที่ ถนนพญาเสือ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก
(4.) น.ส.ณัฐนรี ขอสงวนนามสกุล อายุ 35 ปี อยู่ที่ หมู่ 5 ต.พลายชุมพล อ.เมือง จ.พิษณุโลก
(5.) น.ส.ทิพย์สุดา ขอสงวนนามสกุล อายุ 26 ปี อยู่ที่ ถนนไชยานุภาพ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก

โดยเบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้ง 5 รายจะถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกง ซึ่งจะได้มีการติดตามตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 รายมารับทราบข้อกล่าวหาและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า จากพฤติการณ์ในคดีดังกล่าวนี้ มีการแอบอ้างชื่อตนเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในการหลอกลวงผู้เสียหาย และทำให้หลงเชื่อว่าตัวผู้กระทำผิดสามารถช่วยเหลือในการดำเนินการตามที่ผู้เสียหายต้องการได้ ซึ่งในกรณีนี้ได้สั่งการกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการทุกขั้นตอนตามกฎหมายอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย มีความละเอียดรอบคอบในการรวบรวมพยานหลักฐาน และดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดทุกรายจนถึงที่สุด ทั้งนี้ขอยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบ ข้อบังคับ และกฎหมาย ทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ