G7 ทุ่ม 6 แสนล้านฯ ล่อประเทศกำลังพัฒนาเข้าซบ ด้านอเมริกันชน เซ็ง!! สนแต่คนนอก ไม่แคร์คนใน

การประชุมกลุ่ม G7 ในประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ (26 มิถุนายน 2022) ที่ผ่านมา ประชุมสุดยอดผู้นำ G7 ครั้งที่ 48 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ (26-28 มิถุนายน 2022) ที่เมือง Schloss Elmau แคว้นบาวาเรีย ในเยอรมัน ซึ่งประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, แคนาดา, ญี่ปุ่น และอิตาลี ได้มีข้อตกลงร่วมกันว่า…

ทางกลุ่ม G7 จะทุ่มเงินให้กับประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งคาดว่าเป็นการปล่อยกู้ ไม่ใช่การกุศล แต่เพื่อการลงทุน โดยหวังจะดึงความนิยมให้ประเทศเหล่านั้นหันมาหาซบ G7 และมองข้ามโครงการ Belt and Road หรือ เส้นทางสายไหมใหม่ของจีน ผ่านโครงการยักษ์อย่าง The Partnership for Global Infrastructure and Investment เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้กับประเทศกำลังพัฒนา ที่จะทุ่มงบประมาณลงในโครงการนี้ถึง 6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ

โดยการประชุมย่อยในครั้งนี้ น่าสนใจที่ทางฟาก สหรัฐฯ ในฐานะผู้นำกลุ่ม ประกาศจะทุ่มเงินกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 7 ล้านล้านบาทภายใน 5 ปี เพื่อการนี้โดยเฉพาะด้วย

ถึงกระนั้น ก็มีคำถามว่า แล้วสหรัฐฯ จะไปหาเงินจำนวนมากขนาดนั้นมาจากไหน ทางด้านทำเนียบขาวจึงได้ตอบว่า “จะเป็นการตั้งเงินงบประมาณจากรัฐบาลกลาง ประกอบกับการขอความร่วมมือจากกองทุนและธนาคารต่างๆ ไปจนถึงความร่วมมือจากภาคเอกชนยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา”

ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ได้มีโครงการนำร่องที่ให้เงิน 2 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3.6 หมื่นล้านบาท) แก่ประเทศแองโกลา โดยเป็นการรวมเงินจากกระทรวงพานิชย์, ธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออกแห่งสหรัฐอเมริกา และกองทุนภาคเอกชนที่เข้าไปลงทุนในแอฟริกา

ทันทีที่ข่าวนี้ปรากฏ ประชาชนชาวอเมริกาจึงเริ่มตั้งคำถามกับทิศทางในการให้ความช่วยเหลือประเทศอื่นของสหรัฐฯ รวมถึงข่าวสะพัดของ G7 ที่มีสหรัฐฯ เป็นหัวขบวนว่าจะนำเงินมาหนุนประเทศกำลังพัฒนาว่า เหตุใดชาวอเมริกันจำนวนมากต้องเผชิญหน้ากับปัญหาเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ การว่างงาน ความยากจน ราคาน้ำมันแพง ขณะที่รัฐบาลกลับไม่สนใจคนในประเทศอเมริกาก่อน?

ทำไมรัฐบาลสหรัฐฯ จึงไม่คิดเอาเงินจำนวนมหาศาลนั้นมาช่วยเหลือประชาชนในประเทศ มากกว่าจะเอาไปหว่านให้กับประเทศกำลังพัฒนา เพียงเพื่อแข่งขันกับจีนในเวทีโลก 

จากท่าทีของสหรัฐฯ ในครั้งนี้ ยิ่งทำให้กระแสความนิยมของนายโจไบเดนที่กำลังตกต่ำ พุ่งดิ่งลงไปอีก พร้อมๆ กับที่อดีตประธานาธิบดี โดนัลล์ ทรัมป์ ที่เริ่มกลับมาขยับอีกครั้งหลังพักไปนาน ได้เข้ามาอยู่ในความสนใจของชาวอเมริกันอีกรอบ

สาเหตุก็เพราะ ทรัมป์ เป็นคนที่มุ่งเน้นนโยบายแก้ปัญหาและสนใจเศรษฐกิจในประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนที่จะไปเที่ยวยุ่มย่ามกับชาวโลกแบบประธานาธิบดีคนอื่นๆ จนทำให้ตอนนี้คนอเมริกันหลายคนเริ่มคิดถึงเขามากขึ้นเรื่อยๆ

ก็ไม่แน่ว่าจากท่าทีสนแต่เรื่องนอกประเทศไปทั่วของสหรัฐฯ ในยุคไบเดน จะเป็นแรงผลักให้ทรัมป์กลับเข้ามาชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้งในสมัยหน้าหรือไม่ ก็คงต้องตามดูกันในวันที่อเมริกันชนเริ่มหมดความอดทนกับผู้นำที่ไม่เคยสนใจปัญหาปากท้องของประชาชนในประเทศแบบที่เป็นอยู่นี้