เมื่อวันที่ 25 เม.ย. นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ยินดีกับความสำเร็จการจัดอาคารแสดงประเทศไทย (Thailand Pavilion) ในงาน “World Expo 2020 Dubai” ที่นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 4 จากชาติที่ร่วมจัดแสดงทั้งหมด 192 ประเทศ โดยอาคารดังกล่าวจัดขึ้นภายใต้แนวคิด ‘การขับเคลื่อนสู่อนาคต’ มีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) เป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบ 

ตลอดการจัดงาน ระหว่างวันที่ 1 ต.ค. 64 - 31 มี.ค. 65 มีผู้เข้าชมกว่า 2.35 ล้านคน หรือร้อยละ 9.8 จากจํานวนผู้เข้าชมงานทั้งหมด เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ร้อยละ 7 ได้รับรางวัลความนิยมรองจากประเทศซาอุดีอาระเบีย ปากีสถาน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จากการเก็บข้อมูลสถิติของ Google Public Review 

นายธนกร กล่าวว่า นอกจากนั้นอาคารไทย ยังได้รับรางวัลที่แสดงให้ถึงความนิยมและความชื่นชอบประเทศไทยจากผู้คนทั่วโลก จากรางวัลขวัญใจมหาชน Honorable mention ประเภท EDITOR 'S CHOICE AWARD 2022 จากนิตยสาร Exhibitor Magazine จากสหรัฐอเมริกา รวมถึงการสำรวจความพึงพอใจของผู้เข้าชมอาคารแสดงประเทศไทย พบว่า ผู้ชมกว่าร้อยละ 82 ชื่นชอบอาคารแสดงประเทศไทย มากกว่าอาคารอื่น ๆ และผู้ชมกว่าร้อยละ 95 ต้องการเดินทางท่องเที่ยวประเทศไทย หลังจากได้เข้าชมอาคาร 

ทั้งนี้ งานเวิลด์ เอ็กโปร์เป็นงานยิ่งใหญ่อันดับ 3 รองจากกีฬาโอลิมปิกและฟุตบอลโลก ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุก 5 ปี เพื่อแสดงศักยภาพของประเทศ ทั้งในด้านสถาปัตยกรรม ศิลปกรรม และเทคโนโลยี ให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ เกิดการค้าระหว่างประเทศ การลงทุน การต่อยอดทางธุรกิจและอุตสาหกรรมใหม่ รวมทั้งยังเป็นการสอดแทรกนำเสนอ soft power ที่ให้ความสำคัญด้านเอกลักษณ์ความเป็นไทย การแสดง ดนตรี นาฏศิลป์ และอาหารไทย ที่มีสามารถดึงดูดให้คนเข้ามาชมการแสดงเป็นจำนวนมาก รวมทั้งเป็นที่ชื่นชอบ และได้รับความนิยมอย่างมากของผู้ที่มาร่วมงาน

นายธนกร กล่าวว่า นายกฯ ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่ร่วมกันจัดอาคาร นําเสนอศักยภาพและแสดงฝีมือของคนไทยและประเทศไทยจนเป็นที่ประจักษ์ในเวทีโลก ทั้งนี้ นายกฯ ยังชื่นชมถึงความมุ่งมั่น ตั้งใจ และทุ่มเทของเยาวชน และทีมงานอาคารแสดงประเทศไทยกว่า 60 ชีวิต ที่สร้างความประทับใจจนอาคารแสดงประเทศไทยได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก การเข้าร่วมมหกรรมโลกครั้งนี้ยังช่วยเปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการ SMEs ในการเผยแพร่สินค้าไทยที่มีศักยภาพในการจำหน่ายและมีโอกาสเติบโตในภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นศูนย์กระจายสินค้าไปยังภูมิภาคใกล้เคียงได้อีก