UN ระงับสถานะรัสเซียในคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน ไทย และชาติอาเซียนส่วนใหญ่งดออกเสียง

สมัชชาสหประชาชาติมีมติเสียงข้างมาก 93 เสียง ระงับการเป็นสมาชิกของรัสเซียในคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน ด้านไทย อินโดนีเซีย และอีกหลายประเทศในตะวันออกกลาง งดออกเสียง

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 8 เม.ย.ว่าสมัชชาสหประชาชาติ (ยูเอ็นจีเอ) มีมติในการประชุม เมื่อวันพฤหัสบดี ด้วยเสียงข้างมาก 93 เสียง ระงับสถานภาพสมาชิกของรัสเซีย ในคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชอาร์ซี) เนื่องจาก “กระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนในยูเครนอย่างร้ายแรง”

ทั้งนี้ การลงมติลักษณะนี้ต้องการเสียงสนับสนุนอย่างน้อย 2 ใน 3 ของสมาชิกที่เข้าร่วมการประชุม โดยไม่รวมประเทศที่งดออกเสียงและไม่เข้าร่วมการลงมติ

อย่างไรก็ตาม มี 24 ประเทศออกเสียงคัดค้าน รวมถึง รัสเซีย จีน เบลารุส คิวบา เกาหลีเหนือ อิหร่าน ซีเรีย นิการากัว คาซัคสถาน ลาว และเวียดนาม

นายจาง จวิน เอกอัครราชทูตจีนประจำยูเอ็น แถลงหลังการลงมติ ระงับสถานภาพสมาชิกของรัสเซีย ในยูเอ็นเอชอาร์ซี

ขณะที่ประเทศซึ่งงดออกเสียงต่อมติดังกล่าว มี 58 ประเทศ รวมถึง อินเดีย บราซิล แอฟริกาใต้ ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) จอร์แดน กาตาร์ คูเวต อิรัก ปากีสถาน สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย บรูไน กัมพูชา และไทย เท่ากับว่า ในส่วนของสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) มีเพียงฟิลิปปินส์และเมียนมา ที่สนับสนุนมตินี้

นายเกนนาดี คุซมิน (คนสวมแว่น) รองอุปทูตรัสเซียประจำยูเอ็น เข้าร่วมการลงมติ และแถลงลาออกจากการเป็นสมาชิกยูเอ็นเอชอาร์ซี

ด้านนายจาง จวิน เอกอัครราชทูตจีนประจำสหประชาชาติ ประณามการลงมติครั้งนี้ ว่าเป็นความพยายามของบางประเทศ ที่ต้องการสร้างความแตกแยกในหมู่สมาชิก ด้วยการบีบให้เลือกข้าง และกระตุ้นให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างประเทศสมาชิกที่กำลังมีปัญหากัน ไม่ต่างอะไรกับการที่ยูเอ็นร่วมสุมไฟความขัดแย้ง ขณะที่รัสเซียประกาศลาออกจากคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนทันที

แม้ไม่ใช่ครั้งแรก ที่ยูเอ็นจีเอมีมติเช่นนี้ โดยย้อนกลับไปเมื่อปี 2554 มีการระงับสถานภาพสมาชิกของลิเบียในยูเอ็นเอชอาร์ซี เนื่องจากการสู้รบรุนแรงในประเทศ เพื่อโค่นอำนาจพ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี และสหรัฐยังเคยลาออกจากคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งนี้ เมื่อปี 2561 แล้วได้รับการเลือกตั้งกลับเข้ามาใหม่ เมื่อปีที่แล้ว


ที่มา : https://www.dailynews.co.th/news/938126/