‘บิ๊กตู่’ ยันเสถียรภาพรัฐบาล-พรรคร่วมฯ แน่นปึ้ก ลั่น พร้อมเดินหน้าแก้ปัญหาให้ปชช.เต็มที่

‘บิ๊กตู่’ ยันเสถียรภาพรัฐบาลแน่นปึ้ก ลั่นไม่ใช่เวลามาบิดเบือน วอนคนไทยร่วมรักสามัคคีผ่านพ้นวิกฤตไปให้ได้ ลั่นแผ่นดินนี้ศักดิ์สิทธิ์ทรยศไม่ได้เด็ดขาด ขออย่าให้ร้ายประเทศตัวเอง ย้ำ ครม. รัฐบาล พรรคร่วมฯ จะทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุดเพื่อตอบแทนแผ่นดิน

วันที่ 14 มี.ค.ที่ท่าอากาศยานเบตง จังหวัดยะลา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังจังหวัดยะลา เพื่อเปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ ดอนเมือง - เบตง อย่างเป็นทางการ ซึ่งคณะของนายกรัฐมนตรี ออกเดินทางจากท่าอากาศยานดอนเมือง ในเวลา 10.00 น. ด้วยเครื่องบินแบบ Q400 ของสายการบินนกแอร์ จำนวน 86 ที่นั่ง และถึงท่าอากาศยานนานาชาติเบตง ตำบลยะรม อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ถึง เบตง ในเวลา 11.45 น.

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ถือเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งในชีวิตที่ได้มีโอกาส เดินทางมาที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ซึ่งมีความคุ้นเคยตั้งแต่สมัยเป็น ผบ.ทบ. ร่วมกับพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มาดไทย โดยคาดหวังว่าจะมีวันนี้ รัฐบาลพยายามผลักดันให้เมืองเบตงเป็นเมืองต้นแบบในด้านการท่องเที่ยวและการค้าชายแดน ตามนโยบายสามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง และยังยืน โดยการเพิ่มศักยภาพการท่องเที่ยวในพื้นที่รวมทั้งการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น อำเภอเบตงเป็นอำเภอที่มีศักยภาพทางด้านการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจและสังคม ถือเป็นเมืองชายแดนที่มีความเคลื่อนไหวทางธุรกิจทางด้านการค้า ประชาชนอยู่ร่วมกันเป็นสังคมพหุวัฒนธรรม มีธรรมชาติที่สวยงาม นักท่องเที่ยวให้ความสนใจ เดินทางมาอย่างต่อเนื่อง 

รัฐบาลพยายามพัฒนาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน ด้านการคมนาคมครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ วันนี้ได้มีสนามบินแห่งใหม่ในลำดับที่ 29 ของประเทศ สามารถรองรับประชาชนทั้งเรื่องการขนส่งและการเดินทาง รวมทั้งท่าอากาศยานเบตงจะช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจการท่องเที่ยว เป็นการสนับสนุนขนส่งทางอากาศ และจะเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคจังหวัดชายแดนพักใต้ เป็นการอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศได้อย่างเพียงพอ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายมาอย่างต่อเนื่องในการสร้างและสนับสนุนการเชื่อมโยง ระหว่างประเทศในภูมิภาค ซึ่งนอกจากการพัฒนาทางด้านการคมนาคมขนส่ง ให้มีมาตรฐานสากลแล้วจะต้องมีการพัฒนาด่านศุลกากรชายแดน ศูนย์เศรษฐกิจชายแดนและการอำนวยความสะดวกผ่านแดนให้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการผลักดันการอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งทั้งทางบกและทางอากาศเพื่อให้เกิดการขนส่งต่อเนื่องในหลายรูปแบบเพื่อรองรับการค้าการลงทุนในอนาคต รัฐบาลไม่เคยหยุดการพัฒนาประเทศในทุกภาค

“ผมยอมรับมีความกังวลในพื้นที่ภาคใต้มานานพอสมควร ทำอย่างไรที่จะทำให้เกิดพัฒนาในพื้นที่เท่าเทียมกับภาคอื่น เพราะฉะนั้นทุกอย่าง สนามบินเบตง เริ่มศึกษาและก่อสร้างตั้งแต่ปี 2558 และใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะสำเร็จในวันนี้ ทุกอย่างต้องใช้เวลา และสร้างความเข้าใจ ชี้แจงในประเด็นต่างให้ถี่ถ้วนจนสามารถอนุมัติงบประมาณออกมาได้ ขอขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมทั้งรัฐบาล ซึ่งผ่านมา 2 รัฐบาลโดยมีผมเป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้เกิดผลสำเร็จในวันนี้ได้ แล้วคาดว่าในอนาคตจะทำหลายๆ อย่างให้เกิดขึ้นมากกว่านี้อีก เพื่อให้การพัฒนาภาคใต้” นายกรัฐมนตรีกล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้ำว่า สิ่งสำคัญคือความรักความสามัคคี วันนี้เราได้มีการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อนบ้านในหลายประเทศ ล่าสุดนายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้เดินทางไปเยือนประเทศไทยและพบปะรวมทั้งได้มีการหารืออย่างเป็นทางการทั้งในด้านเศรษฐกิจ ความร่วมมือระหว่างกัน ซึ่งมีหลายอย่างที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ในการเปิดประเทศมาเลเซียในการเชื่อมโยงทางด้านการค้าการลงทุนและการท่องเที่ยวให้มากขึ้น เพราะเรามีชายแดนที่ติดกัน ต้นได้รับคำชื่นชมจากองค์กรสันนิบาตโลกว่าประเทศไทยถือเป็นประเทศตัวอย่างประเทศหนึ่งที่ทำได้ดีมาก ในเรื่องการอยู่ร่วมกันอย่างพหุวัฒนธรรม แม้จะมีศาสนาที่แตกต่างกันอยู่บ้างแต่ทุกคนก็อยู่กันด้วยความรักความสามัคคี 

ซึ่งถือเป็นสิ่งที่เป็นศักยภาพของเราซึ่งจะนำพาไปสู่การพัฒนาทุกอย่างให้ดีขึ้น รัฐบาลพยายามอย่างยิ่งในการแก้ปัญหาให้กับประชาชนทุกกลุ่ม ในการแก้ปัญหาอาจจำเป็นต้องใช้ระยะเวลา แต่ถ้าทุกคนเข้าใจทุกอย่างทำได้ทั้งหมดบนโลกใบนี้ไม่มีอะไรยากเกินไปกว่าที่เราจะทำได้ ขอให้เรารัก สามัคคี และเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สิ่งสำคัญคือความรักความสามัคคี พร้อมกับยอมรับว่า วันนี้อยู่ท่ามกลางปัญหา ที่ค่อนข้างรุนแรงโดยเฉพาะสถานการณ์ต่างประเทศ สถานการณ์ในภูมิภาค ทุกคนทราบดี แน่นอนว่าประเทศไทยต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน สิ่งที่รัฐบาลพยายามคือจะทำอย่างไรให้ลดผลกระทบให้ได้มากที่สุด แต่จะบอกว่าไม่ให้เกิดเลยคงยาก เนื่องจากประเทศอื่นก็พบกับปัญหาเช่นเดียวกับประเทศเรา

"สิ่งสำคัญที่สุดคือความร่วมมือ ความเข้าใจ การบิดเบือนอะไรต่างๆ ผมคิดว่าไม่ใช่เวลานี้ที่ต้องมาทำให้ประเทศชาติแตกความรัก ความสามัคคี ผมยืนยันว่ารัฐบาลยังคงมีเสถียรภาพ ผมขอประกาศไว้ตรงนี้ วันนี้ก็มากับรองนายกฯ รัฐมนตรี ส.ส. ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชน และข้าราชการระดับสูงทุกกระทรวง ผมยืนยันว่ารัฐบาลมุ่งมั่นแก้ปัญหาให้กับประชาชนทุกคนในประเทศนี้ให้ได้ ฉะนั้นทุกอย่างต้องใช้เวลา เพราะเราทำทั้งอดีต แก้ไข ทำปัจจุบันให้ดีขึ้นและสร้างเพื่ออนาคตไว้ คือเศรษฐกิจใหม่ทั้งหมด เน้นการลงทุนจากต่างประเทศและในประเทศรวมทั้งอุตสาหกรรมใหม่ทั้งหมดเพื่อเพิ่มรายได้และจีดีพีของประเทศให้สูงขึ้น ไม่เช่นนั้นเราก็จะเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางซึ่งไม่สามารถจะดูแลประชาชนทุกคนได้เพียงพอ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทั้งนี้สิ่งที่รัฐบาลวางนโยบายและยุทธศาสตร์ไว้ อาจจะใช้เวลามาก แต่สิ่งที่ทำให้เป็นไปได้อยู่ที่ความเข้าใจของพวกเราทุกคน ไม่ให้เกิดความขัดแย้ง  ไม่ให้เกิดความเกลียดชังซึ่งกันและกัน ซึ่งถือว่าทำให้ทุกอย่างเดินหน้าไปไม่ได้ คิดว่าวันนี้ถึงเวลาแล้วที่เราต้องร่วมกัน รวมน้ำใจ ร่วมรัก ร่วมสามัคคีกันให้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันว่าเราจะแก้ปัญหานี้ให้ผ่านพ้นไปให้ได้อย่างไร แน่นอนรัฐบาลไม่มีความสุข ตนเองก็คิดทั้งเช้า กลางวัน เย็น บ่ายทุกวันว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไรและหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล รัฐบาล และครม.มาตลอด อย่างต่อเนื่อง 

ซึ่งถ้าเราย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 57-58 จะเห็นว่ามีหลายอย่างเกิดขึ้นในประเทศไทยแล้ว แต่หลายคนอาจจะลืมไปว่าเราเกิดอะไรขึ้นมามากมาย มีทั้งประโยชน์โดยตรงและประโยชน์โดยอ้อม แต่ทุกคนก็ได้รับผลประโยชน์ในภาพรวม 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึง การแก้ไขปัญหาอุทกภัยอีกว่า ตั้งแต่ตนเข้ามาทำงานสามารถแก้ไขปัญหาน้ำท่วมลงไปได้เยอะมาก ไม่เช่นนั้นจะต้องซ่อมแซมอะไรเยอะแยะ ตรงไหนที่ต้องซ่อมต้องเยียวยาพื้นที่ลุ่มต่ำก็ยังจำเป็นอยู่ แต่ลดค่าใช้จ่ายพวกนี้ลงไปหลายหมื่นล้านบาท ในกันท่วมแต่ละครั้ง แต่ก็ไม่อยากให้มีใครเสียหายอยู่แล้วแต่ก็เป็นเรื่องของธรรมชาติ นอกจากนี้สิ่งสำคัญคือความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน จึงฝากหน่วยงานด้านความมั่นคงทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร การพัฒนาไว้กับ กอ.รมน. ศอ.บต. ต้องทำคู่ขนานกันไปตามนโยบายหลักของรัฐบาล 

"ทุกสิ่งทุกอย่างจะเกิดขึ้นได้ด้วยหัวใจดวงเดียวกัน หัวใจความรักประเทศไทย ความรักประเทศชาติของเรา เป็นอื่นไปไม่ได้ เพราะแผ่นดินผืนนี้ เกิดที่นี่ แผ่นดินผืนนี้ให้เราเกิด ให้เราอยู่ ให้เรากิน จนเราตาย พื้นดินแห่งนี้เป็นพื้นดินแห่งความศักดิ์สิทธิ์ เป็นพื้นดินให้ทุกคนได้อยู่อาศัย ปู่ ย่า ตา ยาย พ่อ แม่ พี่น้อง เราจะทรยศต่อผืนดินแผ่นนี้ไม่ได้โดยเด็ดขาด ผมฝากไว้ สิ่งสำคัญคือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้ประเทศไทยอยู่มาถึงจนทุกวันนี้ เพราะฉะนั้นเราจะต้องทบทวนดูว่าเราจะอยู่กันอย่างไรต่อไป ความขัดแย้งมากขึ้นเรื่อยๆ ในทุกวันนี้ เราจะต้องอยู่ให้ได้ ใช้สติปัญญาในการแก้ไขปัญหาให้ได้ ทุกคนต้องมีสติ และใคร่ครวญอย่างลึกซึ้งว่า ต้องทำตัวอย่างไร จึงจะผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไป"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลห่วงใย และพยายามแก้ไขปัญหาในมิติให้ได้ เพราะฉะนั้นทุกปัญหาเมื่อมาพร้อมๆ กันนั่นคือประเด็นปัญหา ที่ทำให้ได้ไม่มากนัก ที่ผ่านมามันมากันคนละทีสองที วันนี้มาพร้อมกันหลายเรื่อง แต่รัฐบาลก็ยืนยัน ว่า ครม. รัฐบาล พรรคร่วม ข้าราชการทุกคน ยืนยันว่าจะทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุดเพื่อตอบแทนแผ่นดินผืนนี้

ขณะเดียวกันเชื่อมั่นว่าหากทำโครงสร้างให้เข้มแข็งตอนนี้ ดูแล พยุงกันไปประคองกันไป ทุกอย่างก็ดีขึ้น อย่าท้อแท้ อย่าให้ร้ายตัวเอง อย่าให้ร้ายประเทศตัวเอง ตนก็มองว่าไปได้ทั้งหมด และขอเพียงความรักความสามัคคี เพื่อให้ทุกคนจะได้นำสติปัญญานำสมอง ไปทำในสิ่งที่ดีๆ มากกว่าที่ต้องแก้ไขปัญหา ที่ไม่ใช่ปัญหา ขอฝากไว้ด้วย 

ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์  กล่าวว่า “วันนี้ผมอาจจะพูดไปเยอะนิดนึง เพราะความคิดถึง เพราะไม่ค่อยมีโอกาสมาพูดกันบ่อยนัก พร้อมฝาก ส.ส.ในพื้นที่ ไม่ว่าใครจะเป็นส.ส.ก็ตาม ต้องสร้างความเข้าใจกับประชาชน ว่าวันนี้เราได้อะไรไปแล้วหรือยัง อะไรที่เป็นความเดือดร้อน อะไรที่ตนสามารถทำให้ได้ก็จะทำ เพราะเราสัญญากันไว้ว่า เราเป็นรัฐบาลของคนไทย จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพราะฉะนั้นอะไรก็ตามที่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ก็อย่าไปฟังกันมากนัก เสียสมอง เสียเวลา ที่ผมพูดมากเพราะอะไร เพราะคิดถึงจังหู้ เดี๋ยวก็ต้องไปทานข้าวใช่หรือไม่ กินข้าวเขาเรียกอะไรนะ หรอยแรงใช่หรือไม่ อร่อย”

จากนั้นนายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมท่าอากาศยานนานาชาติเบตง รับฟังภาพรวมการดำเนินงาน และเยี่ยมนิทรรศการ OTOP จังหวัดยะลา พร้อมมอบถุงกำลังใจให้แก่ประชาชนกลุ่มเปราะบางในพื้นที่จังหวัดยะลาที่ประสบอุทกภัย และพบปะกลุ่มตัวแทนชาวยะลา ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในเวลา 16.45 น.