‘ทักษิณ’ อ่านศึกสงคราม รัสเซีย - ยูเครน ‘ปูติน’ หวั่นถูกรุกฆาต - ผู้นำยูเครนไม่เจรจาแต่แรก

วันที่ 1 มีนาคม 2565 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือ โทนี่ วู้ดซัม กล่าวในรายการ CARE Talk x CARE ClubHouse ในหัวข้อ “ไทยแลนด์แสนวิกฤต โควิดยังไม่ซา เอาอีกแล้วหว่ารัสเซีย-ยูเครน” โดยวิเคราะห์ตั้งแต่ประวัติศาสตร์มาถึงสถานการณ์ล่าสุด และมองในมุมที่ไทยควรแสดงท่าทีต่อวิกฤตการณ์นี้

ทักษิณ กล่าวว่า เดิมทียูเครนเป็นหนึ่งในสหภาพโซเวียตที่มีรัสเซียเป็นพี่ใหญ่ แต่แตกออกมาเป็นประเทศต่างๆ ช่วงสงครามเย็น นายบอริส เยลต์ซิน ประธานาธิบดีรัสเซียตอนนั้น เป็นคนพานายวลาดิมีร์ ปูตินเข้ามาสู่การเมือง ดังนั้นปูตินย่อมเข้าใจความรู้สึกของนายบอริส จึงเดินเกมให้อดีตสหภาพโซเวียตเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับรัสเซีย แต่บางประเทศ เช่น จอร์เจียไปอยู่กับทางอเมริกา

วันนี้ยูเครนอยากอยู่ในสหภาพยุโรปและเป็นสมาชิกนาโต้ การที่ยูเครนจะเป็นสมาชิกนาโต้จะทำให้ตะวันตกเอาอาวุธ-จรวดมาตั้งไว้ในยูเครนได้ ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามรัสเซีย

ขณะที่สวีเดนและฟินแลนด์เก่าแก่กว่ายูเครน แต่ไม่เป็นสมาชิกนาโต้ เพราะไม่อยากให้รัสเซียมองว่าเป็นภัยคุกคาม แต่ยูเครนเลือกที่จะเป็นสมาชิกนาโต้ ทางรัสเซียจึงคิดว่าน่ากลัว และต้องการให้ยูเครนเลิก แต่ยูเครนไม่ยอม

ปูตินโกรธ-ยูเครนใฝ่นาโต้
ถ้าจะอ่านรัสเซียหรืออ่านปูตินโดยเฉพาะ คือคนรัสเซียชอบเล่นหมากรุก สอนกันตั้งแต่เป็นเด็กอนุบาล ดังนั้นรัสเซียจะเดินทุกอย่างแบบมีกลยุทธ์ คิดแบบมีการวางแผน นี่คือนิสัยของคนรัสเซีย

ปูตินเป็นเคจีบีมาก่อน เคยอยู่เยอรมนี ดังนั้นยังมีความคิดเรื่องของสงครามเย็น และมีความคิดว่ากำลังจะถูกรุกฆาต ทำให้รู้สึกว่าไม่ได้แล้วต้องลุย เมื่อพูดกันไม่รู้เรื่องต้องลุย

ถ้านายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ไม่เลือกเป็นสมาชิกนาโต้ โดยไปพบปูตินแล้วคุยเลยว่าถ้าไม่เป็นสมาชิกนาโต้ จะให้ปลอดภัยอย่างไร เราต้องเป็นมิตรกันนะ มันก็จะไม่เป็นไร แล้วก็ไปเป็นแค่สมาชิกอียู

แต่ประธานาธิบดียูเครนเลือกที่จะเดินหน้าไปเป็นสมาชิกนาโต้ ทำให้ปูตินโกรธ ความที่เป็นนักเดินหมากรุก ความที่เป็นเคจีบีเก่า ฝังใจเกี่ยวกับเรื่องของสงครามเย็นอยู่ก็ถือว่ารบเป็นรบ ไม่กลัว นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้

ส่วนประธานาธิบดียูเครนก็ฉลาดพลิกวิกฤติเป็นโอกาส เริ่มจากเซ็นใบสมัครสมาชิกอียู ขอทางลัดให้เป็นเลยได้ไหม เพราะจะกลับไปหารัสเซียก็คงไม่ไว้ใจแล้ว สองคือ จะออกบอนด์สงคราม ซึ่งมีคนมาช่วย มีคนใช้คริปโตจ่ายสนับสนุน เช่น บริษัทไบแนนซ์ บริษัทใหญ่ด้านคริปโต ก็บริจาคให้ 10 ล้านเหรียญ และกำลังจะระดมเพิ่มอีก 20 ล้านเหรียญ

แต่ในที่สุดเริ่มมีการเจรจารอบแรกแล้ว จากนั้นกลับไปเมืองหลวงเพื่อดูว่าจะว่าอย่างไรต่อ ขณะเดียวกันรัสเซียก็ส่งกำลังทหารบุกเข้าไปอีก ต่อให้เจรจาก็ขอยึดไว้ก่อน

ผู้นำนักแสดงช่วยได้เยอะ
วันนี้มีคนคิดกันว่าสมัยอิรัก ทำไมอเมริกาเข้าไปยึดอิรักและเปลี่ยนระบอบผู้ปกครองได้ ในเมื่ออเมริกาทำได้ รัสเซียก็ทำบ้าง จริงๆ แล้วทุกประเทศต้องยึดกฎบัตรสหประชาชาติ เหมือนกับว่าเรามีกติกา แต่คนตัวใหญ่บอกว่าฉันจะทำอะไรก็ได้ ฉันไม่กลัวใคร แบบนี้ก็ไม่ถูก

วันนี้หลายประเทศทางตะวันตกและเป็นพันธมิตรกับอเมริกากับยุโรป ก็ประณามรัสเซียเรื่องการใช้ความรุนแรง และการใช้ทหารบุกเข้าไปในประเทศยูเครน แม้แต่สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นประเทศเป็นกลางมา 200 ปี ไม่เคยเข้าข้างใครเลย ก็ยืนยันที่จะแซงก์ชั่นรัสเซีย สิงคโปร์ ในฐานะพันธมิตรสหรัฐ ก็ประณาม

สำหรับยูเครน ทักษิณมองว่า การที่ประธานาธิบดีเป็นนักแสดง ถือว่าแสดงได้ดี ดูรู้ว่าเป็นคนฉลาด พวกดาราตลกจะหัวไว ไม่อย่างนั้นจะตลกต่อเนื่องไม่ได้ จะพลิกตัวเองตลอดเวลา ยอมรับว่าการเป็นนักแสดงช่วยได้เยอะ

แต่น่าตำหนิว่าตอนที่ปูตินขู่มาแล้วทำไมไม่ไปคุยกับเขา ถ้าเป็นตน ตนจะวิ่งไปคุยกับปูตินเลยว่าจะไม่ไปเป็นสมาชิกนาโต้ แต่ขอไครเมียคืนได้ไหมที่คุณยึดไป ให้เป็นประเทศเท่ๆ เหมือนเดิม แล้วเรามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน อาจจะไปเป็นสมาชิกอียูเพื่อเศรษฐกิจ แต่ไม่ยุ่งเรื่องการเมือง แต่ปรากฏว่าเขาไม่ทำ

เมื่อปูตินบุกเข้ามา เขาก็แสดงได้ดีให้ตะวันตกเห็นใจว่าคนตัวเล็กโดนคนตัวใหญ่รังแก และวันนี้ชวนนางงาม แชมป์มวยมาถือปืนเข้าสู้ แล้วก็ถ่ายรูปลงสื่อโซเชียลเน็ตเวิร์ก แล้วก็สมัครสมาชิกอียู ตรงนี้ถือว่าเขาเก่ง แต่ที่ควรจะคุยก่อนกลับไม่ไปคุย

ไม่ประณามแต่ต้องยึดกฎบัตร UN
สำหรับประเทศไทย ถามว่าวันนี้เดือดร้อนไหม โดยตรงไม่เดือดร้อน แต่โดยอ้อมคือราคาด้านพลังงานขึ้นแน่นอนโดยเฉพาะราคาแก๊สและน้ำมัน นี่คือปัญหาหนึ่งที่จะต้องเจอ

มีคนมาถามว่าไทยจะทำอย่างไร ไทยก็เป็นเพื่อนกับรัสเซีย ไทยมีความใกล้ชิดกับรัสเซียมากกว่ายูเครนแน่นอน ยกเว้นแต่ไปซื้อรถถังเก่าของยูเครนมา ซึ่งไทยต้องวางตัวให้เหมาะสม ถึงแม้จะไม่กล้าประณาม แต่ก็ต้องยืนยันหลักการของการไม่ฝ่าฝืนกฎบัตรสหประชาชาติ

แม้จะเป็นเพื่อนกันก็ต้องเข้าใจว่า เราไม่ได้ประณามคุณ แต่คุณต้องเคารพกฎบัตรสหประชาชาติ การเจรจาทางการทูตเป็นสิ่งที่โลกต้องดำเนินการด้านนี้ต่อไป ไม่ใช่สงคราม เพราะเวลามีสงครามเกิดขึ้นจะเกิดคนพลัดถิ่นที่ต้องพลัดจากถิ่นฐาน แล้วจะยากจนลำบาก

ไทยไม่จำเป็นต้องถึงขั้นประณาม แต่เราต้องยืนยันอยู่กับหลักการ ผมกับปูตินเป็นเพื่อนกัน รู้จักกันดี แต่ต้องยืนด้วยหลักการนี้ เหมือนในสมัยที่เกิดเหตุการณ์ที่กัมพูชา ผมเป็นเพื่อนรักกับฮุนเซน แต่ผู้นำประเทศต้องยืนบนหลักการ ส่วนเพื่อนฝูงก็ว่ากันไปความเป็นเพื่อนยังมีอยู่ แต่การยึดหลักการระหว่างประเทศต้องมีในฐานะผู้นำประเทศไทย ก็ควรต้องอยู่ในจุดนี้

ส่วนที่ไทยกำลังจะเป็นเจ้าภาพเอเปก ถ้าไทยเชิญปูตินจะมา แต่นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐจะไม่มา หรือเชิญไบเดนมา แล้วปูตินบอกไม่มา จะมีเหตุการณ์นี้ขึ้นถ้าเรื่องยังไม่จบ

มองจีนได้โอกาส-รัสเซียปรับตัว
ขณะที่เราพยายามสร้างเศรษฐกิจให้คนอยู่ดีกินดี แต่สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้มันมีผลแน่นอน และผลที่จะตามมาหลายอย่าง คือจากการแซงก์ชั่นครั้งนี้ โดยเฉพาะการตัดมิตร จะมีปัญหาการโอนเงินซึ่งกันและกัน ก็จะทำผ่านสวิสไม่ได้

ซึ่งรัสเซียเป็นหนี้ด้านบอนด์ต่างประเทศประมาณ 6 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ถ้าไม่มีสวิสก็โอนไม่ได้ ชำระไม่ได้ อีกเรื่องคือการตัดท่อแก๊สที่รัสเซียขายให้ทางยุโรป แม้อเมริกาบอกไม่เป็นไรจะส่งมาขายแทน แต่เมื่อคำนวณดูคร่าวๆ แล้วเชื่อว่ายุโรปจะขาดแคลนแก๊สที่เคยใช้อยู่ 20% ดังนั้นถ้าประหยัด 20% ไม่ได้ก็จะขาดแคลนแน่ แต่ถ้าประหยัดได้ 20% ก็คือพอดี

ด้านจีนซึ่งเป็นพันธมิตรกับรัสเซีย พยายามบอกให้เจรจาทางการทูต แต่เมื่อเลยไปแล้ว จีนรู้ว่ารัสเซียต้องการใช้เงินก็เพิ่ม จึงสั่งซื้อพลังงานเพิ่ม ส่วนรัสเซีย เมื่อถูกบีบแบบนี้ก็ต้องคิดจะปรับตัว ก็จะเป็นโอกาสหนึ่งของจีนด้วย

“จีนต้องคิดว่าจีนมีดิจิทัลหยวน การจะหนีออกจากดอลลาร์ก็จะเกิดขึ้นได้เร็วขึ้น ดังนั้นหยวนจะเป็นสกุลเงินที่โดดเด่นในเวทีเศรษฐกิจโลกเร็วขึ้นอีก ดังนั้นต้องติดตาม ซึ่งเราต้องปรับตัวให้ทัน ถ้าเราตามไม่ทัน เราเสร็จแน่” อดีตนายกฯ กล่าว


ที่มา : https://www.prachachat.net/prachachat-top-story/news-877249