โฆษก ทร. เผย กองทัพเรือ จัดเรือหลวงสงขลา เรือหลวงแสมสาร เรือหลวงมันนอก พร้อมสนับสนุนการขจัดคราบน้ำมัน กรณีเรือ อับปางกลางอ่าวไทย

พล.ร.ท.ปกครอง  มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดเหตุการณ์   เรือบรรทุกน้ำมันดีเซล ชื่อ ป. อันดามัน 2 ซึ่งจอดทอดสมอและอับปางลง บริเวณ แลต.10 องศา 35.06 ลิปดา น. ลอง.99 องศา 38.35 ลิปดา อ. (ระยะห่างจากปากน้ำชุมพรประมาณ 24 ไมล์ทะเล) เหตุเกิดเมื่อวันที่ 22 มกราคม ที่ผ่านมา โดยภายในเรือ มีน้ำมันอยู่ประมาณ 5 แสน ลิตร ซึ่งในวันนี้ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือได้ประชุมร่วมกับกรมเจ้าท่า ทัพเรือภาคที่ 1 กรมอุทกศาสตร์ กรมควบคุมมลพิษ และเจ้าของบริษัทเรือได้ข้อสรุปจากการประชุมว่า  จากการประเมินคราบน้ำมันที่รั่วไหล จากการตรวจสอบพบว่ามีความรุนแรงระดับ 1 น้ำมันรั่วไหลมีขนาดเล็ก ไม่เกิน 20 ตัน ซึ่งกรมเจ้าท่าจะเป็นหน่วยควบคุมและกำกับการปฏิบัติในภาพรวม ทั้งนี้ หากกรณีน้ำมันรั่วไหลเพิ่มมากขึ้น เป็นขนาดกลาง ตั้งแต่ 20-1,000 ตัน ซึ่งเข้าสู่ความรุนแรงระดับ 2 (Tier 2) จะประสานให้กองทัพเรือจัดตั้งศูนย์ควบคุมการปฏิบัติการ รับผิดชอบกำหนดแผนและยุทธวิธีในการขจัดคราบน้ำมัน  

สำหรับในส่วนของกรมเจ้าท่า  ได้ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.เดินเรือ มาตรา 121 ออกประกาศ โดยสำนักงานเจ้าท่าจังหวัดชุมพร แจ้งให้เรือต่างๆ ระมัดระวังในการเดินเรือในบริเวณที่มีเรืออับปาง รวมทั้งแจ้งให้บริษัทไทยแหลมทองค้าน้ำมันประมงจำกัด  ซึ่งเป็นเจ้าของเรือ ป.อันดามัน2 ห้ามใช้เรือและดำเนินการกู้เรืออับปางโดยเร็วโดยจะทำการเก็บกู้น้ำมัน (ดีเซล) เป็นลำดับแรก ภายใน 7 วัน หลังจากนั้นจะให้กู้เรือภายในเวลา 15 วัน รวมทั้งจัดเตรียมอุปกรณ์ขจัดคราบน้ำมัน ประกอบด้วย ทุ่นกักเก็บน้ำมัน  (Boom) ความยาว 800 เมตร และสาร Dispersant จำนวน 700 ลิตร  นอกจากนั้น ทางกรมควบคุมมลพิษ และกรมทรัพยากรธรรมชาติและชายฝั่ง ได้มีการเตรียมแผนเผชิญเหตุและเตรียมการรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในกรณีคราบน้ำมันรั่วไหลเข้าชายฝั่ง

  โฆษกกองทัพเรือ  กล่าวว่า ในส่วนของกองทัพเรือได้สั่งการให้ทัพเรือภาคที่ 1 จัด    เรือหลวงสงขลา เรือหลวงมันนอก และเรือหลวงแสมสาร  เตรียมความพร้อมในการสนับสนุนการขจัดคราบน้ำมัน ตามที่ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือจะสั่งการ พร้อมทั้งจัดเตรียมตู้คอนเทนเนอร์บรรจุอุปกรณ์ขจัดคราบน้ำมัน จำนวน 2 ตู้ กับให้หมู่เรือสำรวจของกองเรือทุนระเบิด กองเรือยุทธการ โดยใช้เรือหลวงบางระจันซึ่งมี ยาน seafox-i ยานล่าทำลายทุ่นระเบิด(mine disposal  vehicle:MDV) มีขีดความสามารถในการค้นหา พิสูจน์ทราบและทำลายทุ่นระเบิด สามารถปรับมาใช้ในภารกิจนี้ได้

 พล.ร.ท.ปกครอง กล่าวอีกว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พล.ร.อ. สมประสงค์ นิลสมัย  ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ได้แสดงความเป็นห่วงพร้อมทั้งสั่งการให้ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือ เฝ้าติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิดและรายงานให้ทราบอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งยืนยันว่า กองทัพเรือ  มีความพร้อมทั้งยุทโธปกรณ์และกำลังพล  ในการขจัดคราบน้ำมันในทะเล ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  ซึ่งได้มีการฝึกซ้อมกันเป็นประจำทุกปี  ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งนโยบายที่สำคัญของกองทัพเรือ  เพื่อพิทักษ์รักษา ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในท้องทะเล ซึ่งนับว่าเป็นแหล่งผลประโยชน์ของชาติที่สำคัญของประเทศ ให้คงไว้อย่างยั่งยืน โดยความคืบหน้า ในส่วนของการจัดการขจัดคราบน้ำมันทางกองทัพเรือจะรายงานให้ทราบเป็นระยะ

โฆษกกองทัพเรือ กล่าวต่อไปว่า สำหรับข้อสรุปจากการประชุม จากการประเมินคราบน้ำมันที่รั่วไหล จากการตรวจสอบพบว่ามีความรุนแรงระดับ 1 น้ำมันรั่วไหลมีขนาดเล็ก ไม่เกิน 20 ตัน กรมเจ้าท่าจะเป็นหน่วยควบคุมและกำกับการปฏิบัติในภาพรวม

กรมเจ้าท่าจะใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.เดินเรือ มาตรา 121 ออกประกาศ โดยสำนักงานเจ้าท่าจังหวัดชุมพร แจ้งให้เรือต่าง ๆ ระมัดระวังในการเดินเรือในบริเวณที่มีเรืออับปาง รวมทั้งแจ้งให้บริษัทไทยแหลมทองค้าน้ำมันประมงจำกัด  ซึ่งเป็นเจ้าของเรือ ป.อันดามัน 2 ห้ามใช้เรือและดำเนินการกู้เรืออับปางโดยเร็วโดยจะทำการเก็บกู้น้ำมัน (ดีเซล) เป็นลำดับแรก ภายใน 7 วัน หลังจากนั้นจะให้กู้เรือภายในเวลา 15 วัน รวมทั้งจัดเตรียมอุปกรณ์ขจัดคราบน้ำมัน ประกอบด้วย ทุ่นกักเก็บน้ำมัน (Boom) ความยาว 800 เมตร และสาร Dispersant จำนวน 700 ลิตร  
 
หากกรณีน้ำมันรั่วไหลเพิ่มมากขึ้น เป็นขนาดกลาง ตั้งแต่ 20-1,000 ตัน ซึ่งเข้าสู่ความรุนแรงระดับ 2 (Tier II) ศูนย์ประสานงานฯ (กรมเจ้าท่า) จะเสนอคณะกรรมการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน (กปน.) ขออนุมัติให้กองทัพเรือจัดตั้งศูนย์ควบคุมการปฏิบัติในการขจัดมลพิษทางน้ำอันเนื่องมาจากน้ำมัน รับผิดชอบกำหนดแผนและยุทธวิธีในการขจัดคราบน้ำมัน  โดยกรมควบคุมมลพิษ และกรมทรัพยากรธรรมชาติและชายฝั่ง ได้มีการเตรียมแผนเผชิญเหตุและเตรียมการรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในกรณีคราบน้ำมันรั่วไหลเข้าชายฝั่ง