โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ รับทราบผลการปฏิบัติงาน ป.ป.ส. ประจำปี 63 จับกุมคดียาเสพติดทั่วประเทศกว่า 3 แสนราย กำชับหากพบเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องเครือข่ายยา เสพติด ให้ปลดออกไล่ออก

เมื่อวันที่ 12 ม.ค. นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ในการปราบปรามยาเสพติด ประจำปี พ.ศ. 2563 โดยมีการรายงานผลการจับกุมคดียาเสพติดทั่วประเทศ จำนวน 318,895 คดี และผู้ต้องหา 334,126 ราย ประกอบด้วยของกลาง จำแนกเป็น ยาบ้า 368 ล้านเม็ด ไอซ์ 27,609 กิโลกรัม เฮโรอีน 1,828 กิโลกรัม โคเคน 30 กิโลกรัม กัญชาแห้ง 16,980 กิโลกรัม กัญชาสด 11,806 กิโลกรัม พืชกระท่อม 97,835 กิโลกรัม ซึ่ง ป.ป.ส. ได้มีการขยายผลไปสู่มาตรการริบทรัพย์สินดำเนินคดีข้อหาสมคบ สนับสนุน เกี่ยวข้องกับผู้กระทำผิดจำนวน 2,679 ราย พร้อมมีการดำเนินคดีเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ที่เกี่ยวข้องกับกระทำความผิดทางอาญา รวมทั้งสิ้น 4 ราย

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ป.ป.ส. ยังรายงานแผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด อาทิ 1) มาตรการความร่วมมือระหว่างประเทศ ภายใต้แผนปฏิบัติการร่วมแม่น้ำโขงปลอดภัย เพื่อควบคุมยาเสพติด 6 ประเทศ ระยะ 4 ปี 2) มาตรการปราบปรามและบังคับใช้กฎหมาย ประกอบด้วยแนวทางการสกัดกั้นยาเสพติด โดยเพิ่มช่องทางตามแนวชายแดนใน 15 จังหวัด และการปราบปรามกลุ่มการค้ายาเสพติด โดยดำเนินการในพื้นที่ 76 จังหวัด 3) มาตรการป้องกันยาเสพติด เช่น แนวทางเสริมสร้างความเข้มแข็งของหมู่บ้าน/ชุมชนตามแนวชายแดน สร้างพื้นที่ปลอดภัย 4) มาตรการบำบัดรักษายาเสพติด โดยนำชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการบำบัดรักษาผู้ใช้ยาเสพติด และ 5) มาตรการการบริหารจัดการอย่างบูรณาการ เช่น การควบคุมและใช้ประโยชน์จากพืชเสพติด การทำให้ยาเสพติดเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย

“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เนื่องจากช่วงหลังพบการส่งออกยาเสพติดจากประเทศไทยเป็นจำนวนมาก เน้นการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการตรวจสอบสินค้านำเข้า-ส่งออก ตามแนวชายแดน กำชับหากมีเจ้าหน้าที่รัฐ มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิด ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างจริงจัง และต้องมีการปลดออกจากราชการ พร้อมสอบสวนไปยังเครือข่ายยาเสพติดเพื่อเป็นการทำลายต้นตอผู้ผลิตอีกด้วย” นายธนกร กล่าว