“ก้าวไกล” เอาบ้าง!! เดิมรอยตามวิปรัฐบาล เสนอเลื่อนวาระการประชุมพรุ่งนี้ นำญัตติขบวนเสด็จมาพิจารณา หลังจบ ญัตติ สถานบันเทิงแบบครบวงจร ด้านส.ส.ฝั่งรัฐบาลลุกขึ้นค้านสกัด จน “ชวน” ต้องสั่งพักประชุม ก่อนลงมติด้วยการขานชื่อ ผลปรากฎส.ส.ไม่เห็นด้วยเลื่อนญัตติ 246

ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 11 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง โดยมีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ทั้งนี้ภายหลังจากที่ประธานที่ประชุมได้เปิดโอกาสให้ส.ส.ลุกขึ้นหารือนำเสนอเรื่องปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนไปยังรัฐบาล เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาแล้วเสร็จนั้น ก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมได้เกิดความวุ่นวายขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้า จากกรณีที่ น.ส.วรรณวรี ตะล่อมสิน ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ขอเสนอญัตติด้วยวาจา โดยอาศัยข้อบังคับการประชุมข้อที่ 54 เสนอให้เลื่อนญัตติด่วน

เรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาข้อเท็จจริงในข้อบกพร่องการกำหนดเส้นทางเสด็จ และการถวายความปลอดภัยของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2563 ที่เสนอโดยพล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และคณะเสนอ ซึ่งกำหนดไว้ในการประชุมวันที่ 2 ธ.ค. 64  หลังการลงมติในญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อหาแหล่งรายได้ใหม่จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศ  และก่อนเรื่องรับทราบรายงานของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตศึกษาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก

จากนั้นนายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า กรณีที่มีการเสนอเปลี่ยนระเบียบวาระการประชุมสำหรับวันที่ 2 ธ.ค. หากย้อนกลับไปสัปดาห์ที่แล้วตนคิดว่าเรื่องนี้เราพิจารณากันจบแล้ว คือการเลื่อนพิจารณาญัตติการศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจรมาพิจารณา และตนได้อภิปรายในสภาฯชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยที่จะนำเรื่องขอให้สภาฯพิจารณาแต่งตั้งกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาข้อเท็จจริงในข้อบกพร่องการกำหนดเส้นทางเสด็จ และการถวายความปลอดภัยของสมเด็จพระบรมราชินี เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 63 มาพิจารณา และตนเชื่อว่าส.ส.ส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นด้วย

ต่อมานายชวน กล่าวว่า ดังนั้นต้องขอมติที่ประชุมว่าจะเห็นด้วยกับการให้เลื่อนระเบียบวาระการประชุมหรือไม่

ขณะที่นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ลุกขึ้นถามประธานที่ประชุมว่า เมื่อมีการลงมติเลื่อนการเปลี่ยนระเบียบวาระประชุมไปแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเรียบร้อยแล้วยังสามารถเปลี่ยนระเบียบกลับมาได้อีกหรือ มันเป็นเรื่องเดียวกันหรือไม่ และเป็นเรื่องที่พิจารณาเสร็จไปแล้วหรือไม่ ถ้าเป็นญัตติเรื่องเดียวกันคือการยกเรื่องนี้ขึ้นมาถือเป็นญัตติที่เราได้เสนอไปแล้ว และการเสนอญัตติซ้ำกันในการประชุมในสมัยประชุมเดียวกันนั้นทำได้หรือไม่

ด้านนายชวน ชี้แจงที่ประชุมว่า ครั้งที่แล้วเป็นการเลื่อนระเบียบวาระเรื่องญัตติการศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้ลงมติ วันนั้นมีการอภิปรายจบไปแล้วแต่ยังไม่มีสรุปผล ดังนั้นกรณีนั้นเมื่อมีการสรุปแล้วถือว่าจบเรื่องที่เลื่อนไป  ดังนั้นวันนี้ก็เลื่อนเรื่องอื่นได้ ทั้งนี้ขอให้ผู้ควบคุมเสียงทั้งสองฝ่ายคือส.ส.ฝ่ายรัฐบาลไปส.ส.ฝ่ายค้านไปหารือกัน เพราะปกติปัญหาพวกนี้ไม่ค่อยมีปัญหาว่าสามารถเลื่อนเรื่องใดขึ้นมาพิจารณา หากเราเจรจากัน

ทั้งนี้ นายอรรถกร ในฐานะตัวแทนวิปรัฐบาล ขอให้พักการประชุม 15 นาที เพื่อตกลงร่วมกันและไม่เสียเวลาที่ประชุม ซึ่งนายชวน อนุญาตให้พักประชุม 10 นาที หลังจากที่เริ่มเข้าสู่การประชุมได้เพียง 9 นาที เท่านั้น อย่างไรก็ตามหลังพักการประชุมแล้วไม่สามารถตกลงร่วมกันได้ ทำให้ต้องใช้การลงมติเพื่อตัดสิน

อย่างไรก็ตามในส่วนของส.ส.พรรคก้าวไกลยืนยันขอให้อภิปรายเพื่อแสดงความเห็นก่อนการลงมติ โดยน.ส.วรรณวรี  ชี้แจงว่า สภาฯ ต้องร่วมสืบหาข้อเท็จจริงพื่อให้ความยุติธรรมกับประชาชนที่ถูกดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 111 รวมถึงต้องถอดบทเรียนเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้น อีกทั้งหากญัตติดังกล่าวไม่ได้รับการพิจารณาจะทำให้ญัตติด่วนอื่นๆที่สำคัญไม่สามาถพิจารณาได้ แม้จะเลื่อนขึ้นมาพิจารณาก่อน จะเท่ากับว่าไม่ให้ความสำคัญกับญัตติดังกล่าว

ขณะที่นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะวิปรัฐบาล อภิปรายว่า ขอให้ฝ่ายค้านใช้กลไกของวิป เพื่อหารือร่วมกัน และยอมรับกลไกของข้อบังคับการประชุมสภาฯ ไม่ใช่เสนอเลื่อนโดยไม่บอก หรือใช้กลไกนับองค์ประชุม หรือลงมติเพื่อทำให้ที่ประชุมเสียเวลา ทั้งนี้ตนขอให้ดำเนินการตามระเบียบวาระ ส่วนประเด็นที่ฝ่ายค้านต้องการควรใช้กลไกของวิปเพื่อทำงานร่วมกัน  และเป็นไปตามข้อตกลง

ทั้งนี้ก่อนการลงมติในญัตติที่จะขอเปลี่ยนแปลงระเบียบวาระประชุม นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล เสนอญัตติให้เปลี่ยนการลงมติจากเดิมที่ต้องกดบัตรออกเสียง เป็นการลงมติโดยเปิดเผยด้วยการขานชื่อ ทำให้ที่ประชุมต้องตรวจสอบองค์ประชุมและขอมติในญัตติที่จะเปลี่ยนแปลงการลงมติดังกล่าวก่อน  

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายนิโรธเสนอนั้น ส.ส.ฝั่งรัฐบาล นั่งในห้องประชุมอย่างบางตา สำหรับผลตรวจสอบองค์ประชุมโดยผลการตรวจสอบองค์ประชุม พบว่ามีผู้แสดงตนรวม 269 เสียงจากทั้งหมด 475 เสียง  และได้ลงมติเห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงการลงมติ ด้วยเสียงข้างมาก 219 เสียง ต่อ 49 เสียง งดออกเสียง 15 เสียง ทำให้ต้องใช้การขานชื่อเพื่อลงมติชี้ขาดในประเด็นการเลื่อนระเบียบวาระหรือไม่ โดยเริ่มขานการลงมติในเวลา 11.20 น.

ต่อมาเวลา 12.22 น. ภายหลังที่ประชุมสภาฯ ลงมติด้วยวิธีขานชื่อลงคะเเนนเเบบเปิดเผยเสร็จสิ้นเเล้ว ผลปรากฏว่า ที่ประชุมสภาฯมีมติไม่เห็นด้วยให้เลื่อนญัตติด่วนเรื่องขบวนเส้นทางเสด็จฯขึ้นมาพิจารณาด้วยคะเเนน 246 ต่อ45 เสียง และงดออกเสียง 6 เสียง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาฯ เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ที่ผ่านมาทางวิปรัฐบาลได้ขอเลื่อนญัตติ เรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อหาแหล่งรายได้ใหม่จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศ มาพิจารณาก่อนญัตติเรื่องขบวนเสด็จฯ ทำให้ในการประชุมวันนี้ (1 ธ.ค.) ส.ส.พรรคก้าวไกล จึงใช้กติกาดังกล่าวมาขอเลื่อนญัตติพิจารณาบ้าง