สหรัฐฯ พบคนป่วยหนัก - เข้าไอซียูพุ่ง ทั้งที่ฉีดวัคซีนโควิดครบโดสแล้ว

ในขณะที่เคสผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นทั่วสหรัฐฯ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเตือนว่ากำลังพบเห็นจำนวนคนฉีดวัคซีนครบเข็มแล้วแต่ยังป่วยหนักถึงขั้นเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลหรือต้องเข้าห้องฉุกเฉินเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ความกังวลเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันลดลงในการป้องกันการติดเชื้ออาการรุนแรง ซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่สำนักงานอาหารและยาแห่งชาติสหรัฐฯ (เอฟดีเอ) ถูกคาดหมายว่าจะอนุมัติฉีดเข็มกระตุ้นวัคซีนไฟเซอร์/ไบออนเทค สำหรับบุคคลอายุ 18 ปีขึ้นไป

"สิ่งที่เราเริ่มเห็นในตอนนี้ก็คือจำนวนผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลที่เพิ่มสูงขึ้นในบรรดาคนฉีดวัคซีนครบแล้ว แต่ยังไม่ได้ฉีดเข็มกระตุ้น" นายแพทย์แอนโทนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันอังคาร (16 พ.ย.) "มันเป็นสัดส่วนที่มาก แต่ไม่ใช่ส่วนใหญ่แต่อย่างใด"

เมื่อวันพุธ (17 พ.ย.) แพทย์หญิงโรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (ซีดีซี) รายงานพบประสิทธิภาพของวัคซีนลดลงในหมู่คนชราและผู้พักอาศัยในสถานดูแลผู้สูงอายุระยะยาว ซึ่งจำนวนมากเป็นกลุ่มแรก ๆ ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 เมื่อฤดูหนาวปีที่แล้ว

"แม้ความเสี่ยงสูงสุดคือคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน แต่เรากำลังพบเห็นคนชราอายุ 65 ปีขึ้นไป ถูกส่งเข้าแผนกฉุกเฉินเพิ่มขึ้น ซึ่งตอนนี้กลับมาสูุงกว่ากลุ่มคนอายุต่ำกว่าอีกครั้ง" วาเลนสกีกล่าวระหว่างแถลงข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำเนียบขาวเมื่อวันพุธ (17 พ.ย.)

อย่างไรก็ตาม วาเลนสกี ชี้ถึงข้อมูลใหม่จากเครือข่ายความปลอดภัยสุขภาพแห่งชาติของทางซีดีซี เกี่ยวกับผู้พักอาศัยในสถานดูแลผู้สูงอายุระยะยาว โดยเปรียบเทียบอัตราการติดเชื้อโควิด-19 ระหว่างคนที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มกับคนที่ฉีดเข็มกระตุ้นแล้ว ซี่งพบว่า "อัตราการติดเชื้อต่ำกว่าอย่างเห็นได้ชัดสำหรับคนที่ฉีดเข็มกระตุ้น แสดงให้เห็นว่าวัคซีนเข็มกระตุ้นของเรากำลังได้ผล" เธอกล่าว

แม้เคสฉีดวัคซีนครบเข็มแล้วแต่ยังป่วยหนักถึงขั้นเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลหรือต้องเข้าห้องฉุกเฉินเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ทั้ง เฟาซีและวาเลนสกี เน้นย้ำว่าผู้ป่วยหนักเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและเสียชีวิตในสหรัฐฯ ส่วนใหญ่แล้วยังคงเป็นกลุ่มคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน

"ผลการศึกษาต่าง ๆ แสดงให้เห็นว่าคนที่ไม่ฉีดวัคซีนยังคงมีความเป็นไปได้มากกว่าที่จะติดเชื้อ มีความเป็นไปได้มากกว่าที่จะติดเชื้อถึงขั้นเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล และมีความเป็นไปได้มากกว่าที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจากการติดเชื้อโควิด-19" วาเลนสกีระบุ

ปัจจุบันค่าเฉลี่ย 7 วันของผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล อยู่ที่ราว ๆ 5,300 คนต่อวัน ข้อมูลของซีดีซีระบุ และผู้คนราว ๆ 1,000 รายในสหรัฐฯ เสียชีวิตจากโควิด-19 ในแต่ละวัน

ไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีจำนวนผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลมากน้อยแค่ไหนที่เป็นเคสติดเชื้อหลังฉีดวัคซีน (breakthrough cases) แม้ทางซีดีซีได้ติดตามอัตราผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลในหมู่คนที่ฉีดวัคซีนครบเข็มก็ตาม เนื่องจากข้อมูลบนเว็บไซต์ของซีดีซีเป็นข้อมูลจนถึงวันที่ 28 สิงหาคมเท่านั้น และจากข้อมูลล่าสุดจากซีดีซี ระบุเพียงว่าบุคคลที่ยังไม่ฉีดวัคซีนมีความเสี่ยงเสียชีวิตจากโควิด-19 มากกว่าคนที่ฉีดวัคซีนแล้วถึง 11 เท่า

ข้อมูลของทางซีดีซีระบุว่าจนถึงตอนนี้มีประชาชนชาวสหรัฐฯ อย่างน้อย 31 ล้านคนที่ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นของไฟเซอร์ โมเดอร์นาและจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน

แม้อัตราคนฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ แต่ เฟาซีคาดหมายว่าจะมีคนฉีดวัคซีนแล้วเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลจากการติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น เนื่องจากวัคซีนไม่ได้มีประสิทธิภาพ 100% ในการป้องกันการป่วยหนัก

"นั่นคือสิ่งที่เราเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเข้ารับเข็มกระตุ้น" เฟาซีกล่าว "มีความเป็นไปได้ที่ภูมิคุ้มกันจะลดลงอย่างฉับพลันหากคุณติดเชื้อในลักษณะติดเชื้อหลังฉีดวัคซีน (breakthrough cases) และคุณอาจจบลงด้วยการต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล"


(ที่มา : ซีเอ็นบีซี)
https://mgronline.com/around/detail/9640000114682