หนุนชุมชน 'ปลูกไม้มีค่า' สร้างรายได้จากการกักเก็บก๊าซเรือนกระจก

นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. ได้ร่วมกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) และคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เติมเต็มองค์ความรู้ให้ชุมชนเกี่ยวกับการประเมินมูลค่าการกักเก็บคาร์บอน ที่ผ่านมา ธ.ก.ส. ได้สนับสนุนเงินให้ชุมชน ตันคาร์บอนละ 100 บาท ไม่เกินชุมชนละ 50,000 บาท ซึ่งปัจจุบันมีชุมชนที่เข้าร่วมโครงการแล้วจำนวน 45 ชุมชน จำนวนต้นไม้ 880,791 ต้น คิดเป็นปริมาณการกักเก็บคาร์บอน 279,644.732 ตันคาร์บอน โดย ธ.ก.ส. มอบเงินสนับสนุนไปแล้ว 1,860,800 บาท พร้อมตั้งเป้าหมายส่งเสริมสนับสนุนให้ชุมชนไม้มีค่าเข้าร่วมโครงการ 77 ชุมชนภายในปี 2564

นอกจากนี้ ธ.ก.ส. และ อบก. ยังร่วมมือยกระดับชุมชนไม้มีค่าสู่โครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (T-VER) เพื่อต่อยอดสู่การขายคาร์บอนเครดิต ปัจจุบันมีชุมชนที่ขึ้นทะเบียน T-VER เพื่อเตรียมพร้อมสู่ตลาดคาร์บอน จำนวน 2 ชุมชน ได้แก่ ธนาคารต้นไม้บ้านลี่ และธนาคารต้นไม้บ้านแดง จังหวัดขอนแก่น คาดว่าจะผลิตคาร์บอนเครดิตได้จำนวน 3,025 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ตลอดระยะเวลาโครงการ

 

อีกทั้งเพื่อจูงใจให้เกษตรกรและชุมชนใช้พื้นที่ที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด สามารถสร้างรายได้และออมผ่านการปลูกต้นไม้ ธ.ก.ส. ได้สนับสนุนกิจกรรมการปลูกไม้มีค่าผ่านโครงการสินเชื่อ รักษ์ป่าไม้ ไทยยั่งยืน (Go Green : Forest Credit) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายหรือค่าลงทุนในการขยายหรือสร้างอาชีพเสริม การปรับเปลี่ยนอาชีพ เพื่อสร้างรายได้จากการปลูกไม้เศรษฐกิจ เพาะพันธุ์ไม้หรือเมล็ดพันธุ์เพื่อจำหน่าย/ผลิตไม้ล้อม บริการจัดเตรียมพื้นที่ปลูก และบริการตัดสางต้นไม้ วงเงินรวม 20,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันมีเกษตรกร กลุ่มวิสาหกิจชุมชน สนใจใช้บริการสินเชื่อแล้วจำนวน 483 ราย เป็นเงิน 103 ล้านบาท