ผบ.ทบ.ร่วมประชุม “ผบ.ทบ.กลุ่มประเทศอาเซียน (ACAMM) ครั้งที่ 22  แบบออนไลน์”  มุ่งสร้างความร่วมมือทางการทหารในสถานการณ์โควิดของภูมิภาคอย่างยั่งยืน

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กองทัพบกกลุ่มประเทศอาเซียนได้มีการจัดประชุมผู้บัญชาการทหารบกกลุ่มประเทศอาเซียน ครั้งที่ 22 (22nd ASEAN Chiefs of Army Multilateral Meeting – 22nd ACAMM) ผ่านระบบออนไลน์ โดยในปีนี้กองทัพบกเมียนมา เป็นเจ้าภาพ ภายใต้หัวข้อ “บทบาทของกองทัพบกกลุ่มประเทศอาเซียน ในกระบวนการฟื้นฟูภายหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19” (The Role of ASEAN Armies in the Process of Rehabilitation After the COVID-19 Pandemic) 

ในส่วนของกองทัพบกไทย พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้เข้าร่วมประชุมในระบบดังกล่าวด้วย โดยมีผู้บัญชาการทหารบกจาก 10 ประเทศ เข้าร่วมประชุม ได้แก่ ไทย, เวียดนาม, สิงคโปร์, ฟิลิปปินส์, เมียนมา, มาเลเซีย, ลาว, อินโดนีเซีย, กัมพูชา และบรูไน 

โดยการประชุมจัดให้มีการแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับบทบาทของกองทัพบกแต่ละประเทศในการคลี่คลายสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งผู้บัญชาการทหารบกได้กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ในการประชุมครั้งนี้ และให้กำลังใจเพื่อนสมาชิกกลุ่มอาเซียนทุกประเทศในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการฟื้นฟูประเทศ คาดหวังว่าสถานการณ์ในภูมิภาคอาเซียนจะพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งกองทัพบกไทยได้สนับสนุนรัฐบาลแก้ไขปัญหา และคลี่คลายผลกระทบของสถานการณ์โควิด-19 ในทุกมิติ ตั้งแต่ต้นปี 2563 โดยจัดตั้ง “ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กองทัพบก” เพื่อบริหารจัดการและประสานงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ระดมทรัพยากรที่มีอยู่ทั้งด้านกำลังพล, บุคลากรทางการแพทย์ และยุทโธปกรณ์ต่างๆ มาใช้ในภารกิจช่วยเหลือประชาชน นอกจากนี้บุคลากรของกองทัพบกปฏิบัติตามมาตรการพิทักษ์พลอย่างเคร่งครัด เพื่อให้สามารถปฏิบัติภารกิจด้านความมั่นคง และช่วยเหลือประชาชนได้อย่างเต็มศักยภาพ

ทั้งนี้ผู้บัญชาการทหารบก ยังได้กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ว่าเปรียบเสมือนสัญญาณเตือนให้ทุกประเทศทั่วโลก ได้ตระหนักถึงภัยคุกคามรูปแบบใหม่อันส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชากรโลกในทุกมิติ อย่างไรก็ตามสถานการณ์ดังกล่าวได้คลี่คลายลงแล้ว กองทัพบกได้เตรียมความพร้อมเข้าสู่ขั้นตอนการฟื้นฟูประเทศภายใต้แนวคิดการใช้ชีวิตในสังคม “ปกติวิถีใหม่” พร้อมร่วมมือกับกองทัพบกกลุ่มประเทศอาเซียนในการฟื้นฟูภายหลังการแพร่ระบาดโควิด-19 ผ่านกลไกต่างๆ ที่ได้จัดตั้งไว้แล้ว อาทิ ศูนย์แพทย์ทหารอาเซียน (ASEAN Centre of Military Medicine : ACMM) และการฝึกแลกเปลี่ยนในโอกาสต่างๆ มุ่งสู่การพัฒนาอาเซียนอย่างยั่งยืนภายใต้บริบทของ "ความปกติถัดไป” เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน สังคม เศรษฐกิจ และความมั่นคงของชาติ สำหรับการประชุม ACAMM นี้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เริ่มตั้งแต่ พ.ศ. 2543 ด้วยความริเริ่มของกองทัพบกไทย เป็นการประชุมหารือแลกเปลี่ยนข้อมูลและสร้างความร่วมมือด้านการทหารระหว่างกองทัพบกกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพในปี 2543, 2550, และ 2558 และจะครบวาระเป็นเจ้าภาพครั้งต่อไปในปี 2566 

การประชุม ACAMM จัดขึ้นคู่ขนานไปกับการทดสอบยิงปืนทางยุทธวิธีกลุ่มประเทศอาเซียน (ASEAN Armies Rifle Meet - AARM) ที่เป็นกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ในปีนี้มิได้มีการจัด AARM เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19