21 ตุลาคม เนื่องในโอกาสครบ 121 ปี วันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือ “สมเด็จย่า”

“สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี” เป็นหม่อมในสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เป็นสมเด็จพระบรมราชชนนีในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร และพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และเป็นพระอัยยิกาในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

พระองค์มีพระนามที่นิยมเรียกกันว่า “สมเด็จย่า” ทั้งนี้พระองค์ยังได้ประกอบพระราชกรณียกิจเยี่ยมราษฎรชาวไทยภูเขาที่อาศัยในถิ่นทุรกันดาร และได้พระราชทานความช่วยเหลือผ่านทางเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง เปรียบเสมือนพระองค์เสด็จมาจากฟากฟ้าช่วยให้พวกเขามีวิถีชีวิตที่ดีขึ้น ชาวไทยภูเขาจึงถวายพระสมัญญานามว่า "แม่ฟ้าหลวง"

วันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีมีพระอาการทรุดลง เนื่องด้วยมีพระอาการแทรกซ้อนทางพระยกนะ (ตับ) และพระวักกะ (ไต) ไม่ทำงาน พระหทัย (หัวใจ) ทำงานไม่ปกติ ความดันพระโลหิตต่ำทำให้เกิดภาวะเป็นกรดในพระโลหิต คณะแพทย์ได้ถวายการรักษาความผิดปกติของระบบต่าง ๆ รวมทั้งการฟอกพระโลหิตด้วยเครื่องไตเทียมและกรองสารพิษซึ่งเกิดจากภาวะผิดปกติของพระยกนะ แต่พระอาการคงอยู่ในภาวะวิกฤต จนกระทั่ง เวลา 21.17 น. สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเสด็จสวรรคต สิริพระชนมายุ 94 พรรษา

สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงสนพระทัยดาราศาสตร์ เมื่อประทับอยู่สหรัฐอเมริกาพระองค์เคยมีหนังสือดาราศาสตร์เบื้องต้น ต่อมาเมื่อพระราชโอรสพระองค์เล็กเรียนดาราศาสตร์ที่โรงเรียนในโลซาน พระองค์จึงซื้อหนังสือเรื่อง Le Ceil (ท้องฟ้า) ของสำนักพิมพ์ Larousse ให้ แต่พระองค์มักจะเปิดอ่านเองหลายครั้งจนหนังสือชำรุด พระองค์มีพระปรีชาสามารถในการถ่ายทอดความหมายของดวงดาวเป็นภาพวาดฝีพระหัตถ์ กลุ่มดาวสำคัญที่แลเห็นง่ายหรือที่โปรด ลงบนโคม ที่เขี่ยบุหรี่ ถ้วยชาม จานกระเบื้อง หรือเซรามิก ซึ่งบางครั้งก็ทรงเขียนรูปดอกไม้แทนกลุ่มดาวแต่ละกลุ่ม มีจำนวนกลีบดอกและสีของดอกไม้แทนความสว่างของดวงดาว ซึ่งทางดาราศาสตร์ เรียกว่า แมกนิจูด 

เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรทางทะเลเมื่อ พ.ศ. 2510 บางคืนพระองค์ประทับบนดาดฟ้าเรือ ทอดพระเนตรดวงดาวบนท้องฟ้าด้วยสายพระเนตรเปล่ากับเหล่าข้าราชบริพาร หลังจากที่ข้าราชบริพารกราบบังคมทูลอธิบายชื่อกลุ่มดาวเป็นภาษาไทยและอังกฤษแล้ว ก็รับสั่งชื่อเป็นภาษาฝรั่งเศสและลาตินอีกด้วย ในการสร้างพระตำหนักดอยตุงโปรดให้เจ้าหน้าที่ของท้องฟ้าจำลองกรุงเทพฯ ออกแบบร่างกลุ่มดาวต่างๆ สำหรับจัดทำภาพแกะไม้ประดับเพดานห้องโถงใหญ่ ซึ่งอยู่ติดกับส่วนที่ประทับ เพดานพระตำหนักดังกล่าว จึงตกแต่งเป็นภาพไม้แกะสลัก รูปสุริยจักรวาล กลุ่มดาวจักรราศี 12 กลุ่ม และกลุ่มดาวฤกษ์สำคัญ 12 กลุ่ม โดยตกแต่งดาวเคราะห์และดาวฤกษ์ด้วยหลอดไฟขนาดต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับลักษณะธรรมชาติของดาวดวงนั้น นอกจากบนเพดานห้องโถงของพระตำหนักแล้ว ยังโปรดให้ประดับไม้แกะเป็นรูปดาวฤกษ์สำคัญหลายกลุ่มไว้ที่ราวไม้เฉลียงส่วนพระองค์ และยังประดับภาพกลุ่มดาวไว้ที่พระทวารบางแห่งบนพระตำหนักดอยตุงอีกด้วย

นอกจากนี้สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงสนพระทัยการถ่ายภาพมาโดยตลอดตั้งแต่ยังทรงเป็นนักเรียนพยาบาล เมื่อครั้งเสด็จไปทรงศึกษาที่สหรัฐอเมริกา ทรงซื้อกล้องแบบ Brownie Box ความสนพระราชหฤทัยในการถ่ายภาพทำให้ทรงศึกษาและทดลองปฏิบัติถ่ายภาพด้วยเทคนิค ใหม่ ๆ เช่น การถ่ายภาพคนเดียวแต่วางท่า 2 แบบและปรากฏอยู่ในแผ่นเดียวกัน ต่อมาได้ทรงเปลี่ยนกล้องอีกหลายครั้ง เมื่อทรงทราบว่ามีสมรรถนะดีกว่าที่ทรงมีอยู่เดิม อีกทั้งได้ทรงใช้กล้องเหล่านั้นถ่ายภาพพระอิริยาบถและพระจริยวัตรของสมเด็จพระบรมราชชนก และพระโอรสธิดามาโดยตลอด ด้านภาพยนตร์ เมื่อมีการตั้ง "สมาคมภาพยนตร์สมัครเล่น" ขึ้น ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ก็ทรงเข้าร่วมเป็นสมาชิกของสมาคมด้วย และครั้งหนึ่งได้ทรงฉายภาพยนตร์พระโอรสธิดาให้สมาชิกของสมาคมชมด้วย


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ Blockdit : THE STATES TIMES 
???? https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32