ไม่นานมานี้ คนไทยผู้พำนักอาศัยอยู่ในประเทศบรูไน ได้โพสต์บทลงโทษของผู้ทำผิดในบรูไนผ่านเฟซบุ๊ก Nina Nutthinee ไว้ว่า... 

ได้รับโทษโบยหนักที่สุดตั้งแต่เคยอ่านข่าวมา

วัยรุ่นชายชาวบรูไนอายุ 24 ปี 2 คน ได้ถือมีดทำครัวเข้าไปจี้พนักงานร้านมินิมาร์ทแห่งหนึ่งเวลาตี 3 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา 

เขาได้เงินสดไป $400 (×24บาท) โทรศัพท์ 1 เครื่อง  

ไม่กี่วันต่อมาทางตำรวจจับตัวได้ และได้ส่งตัวขึ้นศาลเมื่อวานนี้ (7 ต.ค.64)

ศาลตัดสินลงโทษจำคุก 7 ปี และ โบย 12 ไม้ (น่าจะทยอยโบย เพราะถ้าโบยติดต่อกันอาจตายได้ เพราะไม้ใหญ่เท่าไม้พายเรือ)

คนบรูไนเค้าบอกเมื่อก่อนเวลาโบย จะถ่ายทอดให้คนดูด้วย แต่ตอนหลังเลิกไป เพราะฝรั่งมันสาระแนกันเยอะ บอกว่าป่าเถื่อน!! 

ปัจจุบันบรูไนอิงกฎหมายชารีอะห์ หรือประมวลกฎหมายที่มาจากคำสอนและหลักนิติศาสตร์พื้นฐานของศาสนาอิสลาม ครอบคลุมการดำเนินชีวิตของประชาชน การเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ การทำธุรกรรมสัญญา ไปจนถึงความสัมพันธ์ในครอบครัว

โดยนานาชาติมีความกังวลต่อสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในบรูไนเป็นวงกว้างจากกฎหมายดังกล่าว จนทางสมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านแห่งบรูไน ได้ทรงมีพระราชดำรัสให้ระงับการบังคับใช้บางกฎไปบ้างแล้วเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม จากความเข้มงวดของกฎหมาย ก็ช่วยทำให้ บรูไน กลายเป็นประเทศที่มีปัญหาคอร์รัปชันน้อยที่สุด อีกทั้งยังไม่ติดอันดับเมืองอาชญากรรมแห่งอาเซียน ตามรายงานของ Rappler

จากเหตุการณ์นี้ หากมองในแง่ดี ก็สะท้อนให้เห็นถึงกฎหมายที่มีความเด็ดขาด และรุนแรงต่อผู้กระทำผิด ตามแบบฉบับบ้านมีกฎบ้าน เมืองมีกฎเมืองของบรูไน ซึ่งอาจจะมีความเหมาะสมต่อบางสังคม แต่ถ้ามองแง่ลบ ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องสิทธิมนุษยชนจากผู้คนที่ไม่ได้รู้เห็นความเป็นไปของประเทศนั้นๆ เช่นเคย

---

ที่มา:
https://borneobulletin.com.bn/armed-robber-gets-seven-years-jail-12-whippings/
https://brandinside.asia/10-country-in-asean/
https://www.rappler.com/world/asia-pacific/asean-traffic-crime-rankings
https://www.bangkokbiznews.com/blogs/columnist/122273