‘นายกฯ’ รับมอบยารักษาโควิดจาก ‘เยอรมนี’ พร้อมจ่อส่งแอสตร้าฯ​ เพิ่มอีก 3 แสนโดส

(4 ต.ค. 64) ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายเก-ออร์ค ชมิท (H.E. Mr. Georg Schmidt) เอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในพิธีรับมอบยารักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จากรัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี 

ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยสาระสำคัญ ดังนี้นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับและชื่นชมการทำงานของเอกอัครราชทูตฯ ที่ได้ปฏิบัติงานอย่างแข็งขันตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการสนับสนุนความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศด้วยการสื่อสารผ่านสื่อสังคมออนไลน์อย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งชื่นชมการส่งเสริมความตระหนักรู้ของเอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีฯ ด้านสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นวาระสำคัญที่ไทยให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน

พร้อมฝากความปรารถนาดีไปยัง นางอังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ผู้นำเยอรมนีอย่างแข็งขันมาโดยตลอด และยินดีกับการจัดการเลือกตั้งทั่วไปของเยอรมนีที่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยรัฐบาลไทยพร้อมที่จะกระชับความร่วมมือกับรัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีชุดใหม่เพื่อบรรลุความเป็นหุ้นส่วนอย่างรอบด้านต่อไป

เอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีฯ กล่าวขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้การดูแลและต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำหรับการประสานงานและอำนวยความสะดวกในการรับมอบยารักษาโควิด-19 ในครั้งนี้ ยินดีที่จะเป็นสื่อกลางในการสานสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเยอรมนีให้มากยิ่งขึ้นผ่านความร่วมมือด้านต่าง ๆ เช่น ด้านการค้าการลงทุน เทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมถึงด้านพลังงานทางเลือก ซึ่งไทยถือพันธมิตรที่มีบทบาทสำคัญในการดำเนินแนวทางเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน และเยอรมนีพร้อมที่จะให้การสนับสนุนและช่วยเหลือไทยอย่างเต็มศักยภาพในทุกมิติ

ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องว่า ไทยและเยอรมนีมีศักยภาพร่วมกันในหลายมิติที่จะสามารถแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ได้แก่

- ด้านการค้าการลงทุน นายกรัฐมนตรียืนยันว่า รัฐบาลไทยพร้อมอำนวยความสะดวกและขอเชิญชวนให้นักลงทุนหรือผู้ประกอบการเยอรมันเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มเติมซึ่งเอกอัครราชทูตฯ พร้อมให้การสนับสนุน 

- ด้านการศึกษา นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำการพัฒนาทักษะของแรงงาน ซึ่งทางเยอรมนีได้ให้การสนับสนุนการจัดตั้งโรงเรียนเพื่อพัฒนาทักษะแรงงานด้านวิศวกรรมในประเทศ 

- ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความร่วมมือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องรับความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อม ตามนโยบายที่ไทยให้ความสำคัญกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG เพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะเศรษฐกิจชีวภาพที่จะนำแนวทางดังกล่าวมาช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจอาเซียนภายหลังโควิด-19

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้รับมอบยารักษาโรคโควิด-19 (Casirivimab/Imdevimab) จำนวน 2,000 ยูนิต จากรัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เพื่อนำไปใช้ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มอาการน้อยถึงปานกลาง ป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยมีอาการทรุดหนักลง นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณในไมตรีจิตและความห่วงใยที่มีให้ประเทศไทย รวมถึงเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ทั้งสองประเทศที่ได้ประสานงานอย่างใกล้ชิด สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นมิตรประเทศระหว่างกันในช่วงเวลาที่ยากลำบาก จนนำมาสู่พิธีการมอบยาให้แก่ประเทศไทยอย่างเป็นทางการในวันนี้ ซึ่งในโอกาสนี้ เอกอัครราชทูตฯ กล่าวว่าสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีขอบคุณที่ไทยเป็นพันธมิตรที่สำคัญเสมอมา 

อนึ่ง รัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีได้บริจาควัคซีน AstraZeneca ให้ไทย จำนวน 346,100 โดส และอยู่ระหว่างเตรียมการในการขนส่งวัคซีนคาดว่าจะถึงไทยในช่วงกลางเดือนตุลาคม 2564


ที่มา : https://mgronline.com/politics/detail/9640000098158