อานิสงส์โควิด!! ดันอนาคตค้าปลีกออนไลน์ 'อินเดีย' พุ่ง โตก้าวกระโดด 3 เท่าในอีก 10 ปี | Knowledge Times EP.24
เกือบสองปีแล้วที่โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ธุรกิจการค้า วิถีชีวิต พฤติกรรมผู้บริโภค ฯลฯ จนถึงขั้นที่ธุรกิจมากมายต้องล้มหายตายจากไปและผู้คนก็รู้สึกสิ้นหวังไปตาม ๆ กัน
แต่ทุกวันนี้มุมมองของผู้คนทั่วโลก เริ่มเปลี่ยนไป จากที่เคยตั้งตาคอยว่าเมื่อไหร่โควิด-19 จะหมดไปจากโลกนี้เสียทีนั้น ก็เริ่มเปลี่ยนมาถามตัวเองว่า นับแต่นี้ไปเราจะอยู่กับโควิด-19 กันอย่างไร เพราะดูแล้วโควิด-19 คงจะอยู่กับเราไปอีกนาน มนุษย์ต่างหากที่ต้องปรับตัวเองเพื่ออยู่กับโควิด-19 ให้ได้ตามวิถีปกติใหม่หรือ New Normal
ถ้าย้อนกลับไปดูตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว จะพบว่าอินเดียเป็นประเทศอันดับต้น ๆ ที่ผู้คนทั่วโลกจับตามองด้วยความเป็นห่วง เพราะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่และผู้เสียชีวิตรายวันเป็นจำนวนสูงมาก ถึงขนาดว่าเผาศพกันไม่ทันเลยทีเดียว
แต่มาถึงวันนี้ก็พบว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศอินเดียกลับดีขึ้นมาก มาตรการที่เคยเข้มงวดต่าง ๆ ก็ได้รับการผ่อนคลาย และล่าสุดก็มีข่าวว่ารัฐบาลอินเดียกำลังจะเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว
ล่าสุดรัฐบาลอินเดีย ได้มีการอนุญาตให้ร้านอาหารเปิดบริการให้ลูกค้าเข้าไปรับประทานที่ร้านได้แล้วจนถึง 4 ทุ่ม และร้านอาหารทุกร้านต่างก็ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า มียอดขายดีกว่าช่วงที่จะเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 อีกต่างหาก เพราะคนอินเดียนิยมออกไปรับประทานอาหารนอกบ้าน
โดยตอนนี้ทางสมาคมที่เกี่ยวข้องกับร้านอาหารในอินเดีย กำลังต่อรองกับรัฐบาลเพื่อขอขยายเวลาปิดร้านจาก 4 ทุ่มเป็นถึงเที่ยงคืน เนื่องจากธรรมชาติของผู้บริโภคชาวอินเดียมักจะชินกับการรับประทานอาหารค่ำในช่วงเวลาที่ค่อนข้างดึก
ฉะนั้นการที่ร้านอาหารต้องปิดร้านแค่ 4 ทุ่มตามระเบียบของราชการ จึงกลายเป็นปัจจัยกดดันให้คนอินเดียต้องรับประทานอาหารค่ำเร็วขึ้นกว่าปกติ ซึ่งถ้าสมาคมฯ สามารถเจรจาให้เปิดร้านอาหารได้จนถึงเที่ยงคืน ก็จะยิ่งทำให้ขายดีมากยิ่งขึ้น เพราะร้านอาหารจะสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างน้อยสองรอบ
ผู้ประกอบการร้านอาหารจึงต้องรอลุ้นการตัดสินใจจากรัฐบาลอินเดียว่าจะโอนอ่อนผ่อนตามตามเสียงเรียกร้องหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ร้านอาหารกลับมาขายดิบขายดีแบบคาดไม่ถึง แต่ถ้าไปส่องดูที่ห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าต่าง ๆ กลับพบว่า “เงียบเป็นป่าช้า”
นั่นก็เพราะผู้บริโภคยังไม่กล้าเข้าไปเดินช็อปปิ้งสักเท่าไหร่
ซึ่งหากมาลองวิเคราะห์ดูแล้ว จะพบว่า สาเหตุสำคัญก็คือ ผู้บริโภคชาวอินเดียมีทางเลือกในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น โดยเฉพาะกับการช็อปปิ้งผ่านระบบออนไลน์
โดยในช่วงเกือบสองปีที่ผ่านมาผู้บริโภคชาวอินเดียเคยชินกับการช็อปปิ้งออนไลน์มากขึ้น จนกระเทือนไปถึงโครงสร้าง 'ตลาดค้าปลีก' ในอินเดียให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปโดยปริยาย
ทั้งนี้ หากย้อนไปเมื่อปี 2554 จะพบว่า ตลาดค้าปลีกของอินเดีย ประกอบไปด้วยธุรกิจค้าปลีกอยู่สองประเภทหลัก คือ...
>> ธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิม (Traditional Retailing/Unorganized Retailing) หรือ “Kirana” ถ้าเรียกภาษาบ้าน ๆ แบบประเทศไทยก็คือ “ร้านโชห่วย” นั่นเอง โดยร้านโชห่วยประเภทนี้มีสัดส่วนสูงถึง 95%
>> ในขณะที่ธุรกิจค้าปลีกอีกประเภทหนึ่ง คือ ธุรกิจค้าปลีกแบบสมัยใหม่ (Modern Trade Retailing/Organized Retailing) มีสัดส่วนอยู่แค่เพียง 5%
>> แต่ถัดมาอีกประมาณ 4 ปีคือ ในปี 2558 ก็พบว่าสัดส่วนในตลาดค้าปลีกของอินเดียก็เริ่มเปลี่ยนไป โดยร้านโชห่วยมีสัดส่วนลดลงเหลือ 92% และร้านค้าปลีกแบบสมัยใหม่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 8%
หลังจากนั้น จนถึงปี 2562 ก็พบว่าโครงสร้างในธุรกิจค้าปลีกของอินเดียได้เริ่มเปลี่ยนไปอีกรอบ โดยครั้งนี้เริ่มมี 'ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์' เพิ่มเข้ามา
ส่งผลทำให้สัดส่วนของร้านโชห่วยลดลงเหลือ 88% สัดส่วนของธุรกิจค้าปลีกแบบสมัยใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 9% และสัดส่วนธุรกิจค้าปลีกออนไลน์แทรกเข้ามา 3% ภายใต้มูลค่าตลาดค้าปลีกรวมของอินเดียปี 2562 ที่มีตัวเลขประมาณ 790,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ยิ่งไปกว่านั้น มีการคาดการณ์กันว่า ธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ในอินเดียน่าจะเติบโตต่อไปอีก!!
โดยคาดการณ์ว่าในปี 2567 ธุรกิจค้าปลีกในอินเดียโดยรวม น่าจะมีมูลค่าประมาณ 1.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ และส่งผลให้สัดส่วนค้าปลีกปรับเป็น...
>> ร้านโชห่วย สัดส่วนลดลงเหลือ 75%
>> ธุรกิจค้าปลีกแบบสมัยใหม่ สัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 18%
>> และธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ สัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 7% แถมมีแนวโน้มว่าธุรกิจออนไลน์จะมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างหนักในช่วงเกือบสองปีที่ผ่านมา ก็ปรากฏว่า โควิด-19 ได้กลายเป็น Disruption ที่สำคัญยิ่งต่อการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมค้าปลีกของอินเดียไวกว่าเดิม!!
ล่าสุดมีผลการศึกษาของบริษัท Kearney ระบุว่าธุรกิจค้าปลีกของอินเดียจะได้รับอานิสงส์จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 กระทบชิ่งไปถึงอนาคต โดยคาดว่าในปี 2573 เฉพาะธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ในอินเดียจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 19% ของมูลค่าค้าปลีกรวมของอินเดียทั้งหมดและจะมีมูลค่าสูงถึง 215,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยจะมีจำนวนนักช็อปออนไลน์เกิดขึ้นประมาณ 350 ล้านคน ด้วยอัตราการขยายตัวเฉลี่ยประมาณ 17% ต่อปี ซึ่งตลาดเมืองรองระดับ 2+ หรือ Tier 2+ Cities จะขยายตัวมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม “โควิด-19” ก็เป็นเพียง Disruption หนึ่ง ที่มากระตุ้นให้ตลาดค้าปลีกออนไลน์ในอินเดียเติบโตอย่างโดดเด่น แต่ยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกหลายปัจจัยที่ส่งผลทำให้ตลาดค้าปลีกออนไลน์ของอินเดียเติบโตอย่างก้าวกระโดด นั่นก็คือ...
1.) การขยายตัวของจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในอินเดียที่จะมีจำนวนมากถึง 1,100 ล้านรายในปี 2569 ซึ่งในจำนวนนี้เป็นนักช็อปออนไลน์ถึง 350 ล้านราย
2.) การเกิดขึ้นของนักช็อปออนไลน์จากกลุ่มรายได้ต่ำที่เรียกว่า India-2 ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเมืองรองระดับ 2+ ที่ส่งผลต่อการเติบโตของธุรกิจค้าปลีกออนไลน์อย่างมาก
3.) เดิมในประเทศอินเดียกลุ่มผู้บริโภคที่คำนึงถึงความคุ้มค่าเป็นหลักเมื่อต้องทำการช็อปปิ้ง ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 70% และจากกลุ่มนี้จะเป็นนักช็อปออนไลน์เพียงแค่ 16% เท่านั้น แต่เพราะแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็เลยส่งผลทำให้ผู้บริโภคกลุ่มนี้หันมาช็อปออนไลน์มากขึ้น เพราะไม่มีทางเลือกอื่นในช่วงของการแพร่ระบาดอย่างหนัก เลยทำให้เกิดความเคยชินและไม่มีความหวั่นกลัวการช็อปออนไลน์อีกต่อไป
4.) กลุ่มคน Gen Z ของอินเดีย (ตามคำจำกัดความของบริษัท booking.com คือ กลุ่มคนที่มีอายุระหว่าง 16-24 ปี) จะเป็นนักช็อปที่มีอิสระ ช็อปเพื่อตัวเองและนิยมช็อปออนไลน์มากกว่ากลุ่มอื่นๆ
5.) อินเดียเป็นประเทศที่มี Ecosystem สำหรับเทคโนโลยีสารสนเทศและ Startups ที่พร้อมมากที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง โดยในปัจจุบันอินเดียเป็นประเทศที่มี Ecosystem สำหรับ Startups อยู่อันดับที่สามของโลก ซึ่งปัจจัยนี้จะยิ่งเสริมให้ธุรกิจค้าปลีกในอินเดียมุ่งเข้าสู่ระบบออนไลน์มากขึ้นและรวดเร็วขึ้น ในขณะที่นักช็อปชาวอินเดียก็จะหันมาช็อปออนไลน์มากขึ้นเช่นกัน
ฉะนั้นจากนี้ไป หากผู้ประกอบการรายใดคิดจะเจาะเข้าตลาดอินเดีย คงต้องพิจารณาช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าผ่านทางธุรกิจค้าปลีกออนไลน์มากยิ่งขึ้น เนื่องจากโครงสร้างธุรกิจค้าปลีกในอินเดียต่อจากนี้ น่าจะเริ่มเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดในช่วง 10 ปีข้างหน้านี้
ถึงกระนั้น ธุรกิจค้าปลีกประเภทร้านโชห่วยที่เรียกว่า Kirana ก็จะยังคงมีบทบาทสำคัญอยู่ในสังคมอินเดีย เพียงแต่จะต้องปรับเปลี่ยนไปสู่รูปแบบตามยุทธศาสตร์ Omnichannel หรือใช้จุดแข็งของความรวดเร็วและสะดวกสบายของช่องทางออนไลน์มาผสานกับร้านโชห่วยที่มีกระจายอยู่ทั่วทั้งประเทศให้เดินหน้าสอดประสานกันอย่างลงตัวต่อไป
.
.
Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก???? https://lin.ee/vfTXud9