รัฐเริ่มผ่อนคลายฯ เหตุวิเคราะห์แล้วรอบด้าน เชื่อ!! 'เชื้อซา - บทเรียนตปท.' ช่วยไม่พลาดอีก

ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และที่ปรึกษา ศบค. ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า... 

ผมเห็นบางคนเขียนโพสต์ว่า เรารีบเปิด ผ่อนคลายมาตรการเร็วเกินไป ประเทศต่างๆ ไม่มีประเทศไหนเปิดแล้วรอดเลย ต้องกลับมาปิดใหม่อีก เหมือนมีคนวางยานายกและรัฐบาลให้ล้มเหลว 

แต่ผมว่า เราต้องดูปัจจัยแวดล้อมด้วย ประเทศที่เปิดไปส่วนใหญ่ (หรือทั้งหมด) คือ เปิดเพราะฉีดวัคซีนได้เยอะแล้ว เพราะฉีดไปก่อน แต่พอเปิดแล้ว มาเจอเดลตาอาละวาด เจาะทะลุวัคซีน และกระจายสู่คนที่ไม่ได้ฉีดเป็นวงกว้างอีก แต่ถ้าดูกันดีๆ สัดส่วนผู้เสียชีวิตจะไม่มากเท่าไหร่ คนเสียชีวิตส่วนมากก็คือ คนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนที่ยังเหลืออยู่ 

แต่ไทยเรา ได้เห็นบทเรียนจากประเทศต่างๆ จึงค่อยๆ ผ่อนคลาย และหากจะเปิดประเทศ ก็เปิดเป็นพื้นที่ไป และมีความเข้มงวดกว่าประเทศอื่นๆ ที่ออกไปทำกิจกรรมต่างๆ ได้เกือบเหมือนก่อนโควิด แถมตอนแรกยังไม่ใส่แมสก์ด้วย แถมของไทยเองรู้ตัวแล้วว่าเดลตาเป็นตัวปัญหา แพทย์ เช่น อ.ยง ท่านจึงศึกษาว่าต้องฉีดแบบไหนถึงจะป้องกันเดลตาได้ แล้วก็ใช้มาตรการทางสังคมเพิ่มด้วย

และข่าวดี ก็คือ ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก รวมทั้ง ศ.ซาร่าห์ กิลเบิร์ต ผู้พัฒนาวัคซีนของ Oxford-Astra Zeneca ต่างเชื่อว่า โควิดใกล้จะหมดฤทธิ์อาละวาดละ ไม่น่าจะสามารถกลายพันธุ์หนีวัคซีนไปได้อีก หรือก่อให้เกิดผลรุนแรงขึ้น และจะกลายเป็นเหมือนไข้หวัดในต้นปีหน้า (หลังฤดูหนาว ก็ประมาณ มีนาคม) ซึ่งถึงป่านนั้น คนไทยทุกคนที่ต้องการฉีดวัคซีนและต้องบูสต์ ก็น่าจะสามารถหาวัคซีนฉีดได้ทุกคนจนเกินพอแล้ว จึงน่าเชื่อได้ว่า โลก (หรืออย่างน้อยประเทศที่มีวัคซีน) ได้ผ่านจุดที่แย่ที่สุดของสงครามโลกกับโควิดไปแล้ว

แต่ที่อาจจะเริ่มสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดจะสำคัญกว่าการป้องกันตัวเองไม่ให้ติดโควิด ก็คือปากท้องของประชาชน ในการทำงานหาเลี้ยงตัว และสุขภาพจิตของประชาชนในการดำเนินชีวิต 

ดังนั้นผมจึงคิดว่า นโยบายที่เราจะค่อยๆ ฟื้นคืนการเปิดธุรกิจ รวมถึงเปิดพื้นที่เมื่อพร้อม ภายใต้มาตรการทางสังคมและการควบคุมความเสี่ยง โดยยอมรับการอยู่ร่วมกับโควิด ซึ่งจะกลายเป็นโรคประจำถิ่น (From epidemic to pandemic to endemic) ภายในต้นปีหน้า เมื่อวัคซีนได้อย่างทั่วถึงและพอเพียง จึงแทบไม่ต้องคิดว่าจะเป็นทางที่ถูกหรือไม่ แต่เป็นทางที่จำเป็นที่เราต้องไป บนความเสี่ยงที่คำนวณไว้และยอมรับได้ (Calculated Risk คือ ระบบสาธารณสุขรองรับได้) 

เพราะเราอดทนกันมาจนเลยจุดไปแล้ว และก็ใช้เงินส่วนกลางและเงินกู้ไปจนจะไม่ไหวแล้ว 

ดังนั้นการผ่อนคลายเปิดเมืองในครั้งนี้ ทุกคน รวมถึงฝ่ายค้าน และสื่อต่างๆ ต้องเลิกคิดแต่ประโยชน์ของตัวเอง หรือคอยปั่นกระแสวิจารณ์ แต่ต้องช่วยกันทำให้สำเร็จให้ได้ เพื่อโอกาสในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศและช่วยให้ประชาชนและธุรกิจที่เดือดร้อนได้กลับมาตั้งตัวให้เร็วที่สุด

https://uk.news.yahoo.com/covid-could-more-common-cold-075643639.html?guccounter=1


ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=4995451817137084&id=100000169455098