ญาติเหยื่อ 9/11 ถอดใจ!! หลังสหรัฐฯ ส่อแววเลื่อนการพิจารณาคดี

ข่าวดังที่ชาวอเมริกันเริ่มกลับมาให้ความสนใจใหม่ในช่วงนี้ก็คือ การไต่สวนคดีเหตุการณ์ก่อการร้ายในสหรัฐอเมริกา ช่วงวันที่ 11 กันยายน 2001 ที่มีกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์ 19 คน จี้เครื่องบินพาณิชย์อเมริกันพุ่งชนอาคารเวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ ในมหานครนิวยอร์ก และ อาคารแพนทากอน ศูนย์บัญชาการฝ่ายกลาโหมสหรัฐฯ จนมีผู้เสียชีวิตสูงถึง 2,996 คน และบาดเจ็บมากกว่า 2 หมื่นคน

เหตุการณ์ผ่านมาเนิ่นนานจนจะครบรอบ 20 ปีในปีนี้ แต่ทว่าคดีไต่สวนผู้ต้องหาที่เป็นเบื้องหลังคนสำคัญนอกเหนือจาก โอซามา บิน ลาเดน กลับยังค้างอยู่ในศาล จนถึงวันนี้ ก็ยังไต่สวนไม่แล้วเสร็จ

และยิ่งมาเจอการระบาด Covid-19 ครั้งใหญ่ในสหรัฐฯ เลยทำให้ตลอดทั้งปี 2020 การพิจารณาคดีต้องถูกระงับไปโดยปริยาย จนญาติผู้เสียชีวิตบางคนถึงกับถอดใจว่า พวกเขาจะได้โอกาสเห็นผู้กระทำผิดถูกตัดสินลงโทษอย่างสาสมหรือไม่  

และผู้ต้องหาคดี 9/11 คนสำคัญ ที่เชื่อว่าเป็นผู้ชักใย เจ้าของแผนการโจมตีสหรัฐฯ ที่ตอนนี้ยังไม่ถูกตัดสินก็คือ นายคาลิด ชีค โมฮัมเหม็ด ที่สื่อสหรัฐฯ มักเรียกชื่อย่อว่า "KSM"

KSM เกิดในคูเวต และได้มีโอกาสมาเรียนจบด้านวิศวกรรมเครื่องกลถึงสหรัฐอเมริกา แต่กลับฝักใฝ่ในขบวนการใต้ดิน และเข้าร่วมขบวนการมูจาฮีดีนในปากีสถาน เพื่อต่อสู้กับกองทัพโซเวียตในอัฟกานิสถาน จึงทำให้ได้รู้จักกับโอซามา บิน ลาเดน และร่วมก่อตั้งกลุ่มอัลกออิดะห์ด้วยกันในยุคบุกเบิก 

ทางการสหรัฐฯ เชื่อว่า KSM คนนี้จุดประกายให้เกิดแผนการที่จะโจมตีสหรัฐฯ ในวันที่ 11 กันยายน 2001 และถูกหน่วย CIA จับได้ที่ปากีสถานพร้อมผู้ร่วมขบวนการจำนวนหนึ่ง ตั้งแต่ปี 2003 และส่งไปขังคุกที่กวนตานาโม ในเขตประเทศคิวบา 

ดังนั้นการสืบสวนคดี จึงต้องเริ่มที่นั่น ที่กลายเป็นอุปสรรคอย่างมากต่อการทำงานสืบคดีของบรรดาทนายของฝ่ายญาติ ไม่เว้นแม้แต่ทีมอัยการ ผู้พิพากษา ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การต้องเดินทางไปถึงที่กวนตานาโมนั้น มัน 'นรก' ชัด ๆ 

ด้วยการเดินทางที่ยากลำบาก กว่าจะไปถึง และการสอบปากคำของผู้ต้องหา ต้องทำผ่านห้องสอบสวนที่มีกระจกชนิดหนากั้น พูดคุยผ่านหูฟังที่เสียงปลายสายต้องดีเลย์ประมาณ 40 วินาทีเพื่อการตรวจสอบ และหากมีเนื้อหาที่ละเอียดอ่อนกระทบกับฝ่ายความมั่นคง ก็จะถูกเซ็นเซอร์ออกไป

แต่นอกเหนือจากกระบวนการสอบสวนที่ยุ่งยากแล้ว สิ่งที่เป็นอุปสรรคที่สุดที่ทำให้คดีไปต่อได้ยาก คือ ทีมกฎหมายไม่สามารถเข้าถึงเอกสารการสืบสวนที่ทางฝ่ายความมั่นคงสหรัฐฯ ระบุว่าเป็นความลับสุดยอด และเปิดเผยไม่ได้ 

ทำไมการสอบปากคำผู้ต้องหาถึงเป็นความลับเปิดเผยไม่ได้?

นั่นก็เพราะคำให้การของผู้ต้องหาเหล่านั้น ถูกเค้นออกมาจาก "เทคนิคการสอบปากคำพิเศษ" ของหน่วย CIA ในฐานลับ ก่อนที่จะถูกส่งตัวมาที่กวนตานาโมนั่นเอง 

ซึ่งเทคนิคพิเศษที่ CIA อ้างถึงนั้น ล้วนมาจากการบีบเค้น ทรมานผู้ต้องหาอย่างรุนแรง จนต้องยอมรับสารภาพ ซึ่งความจริงเรื่องนี้เองที่ทำให้ทางการสหรัฐฯ ไม่สามารถปล่อยเอกสารการสอบปากคำเผยแพร่ต่อสาธารณชนได้

จึงทำให้กลุ่มญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ 9/11 พยายามร้องเรียนมาตลอด ให้ช่วยลดขั้นตอน และอุปสรรคการสอบสวน รวมถึงให้เปิดเผยเอกสารการสอบสวนทั้งหมดเพื่อเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีออกมา 

โดยในสมัยอดีตประธานาธิบดี บารัค โอบามา มีการเสนอให้ส่งตัวผู้ต้องหาคดี 9/11 จากกวนตานาโม มาคุมขังที่สหรัฐฯ เพื่อง่ายต่อการสอบสวนกว่านี้ แต่ถูกสภาคองเกรซคัดค้าน และตีตกไป 

จนมาถึงสมัยของโจ ไบเดน ญาติผู้เสียชีวิตได้ร่วมกันส่งจดหมายเปิดผนึกถึงทำเนียบขาว เรียกร้องให้เปิดเผยเอกสารลับการสอบสวนคดีออกมาทั้งหมด ไม่เช่นนั้นพิธีไว้อาลัยในวันครบรอบ 20 ปีเหตุการณ์ 9/11 ประธานาธิบดีก็ไม่ต้องมา! 

ด้านประธานาธิบดี โจ ไบเดน เองก็ยืนยันว่าคดีนี้มันต้องจบเสียที จึงได้เซ็นคำสั่งประธานาธิบดีถึงรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม และ FBI ให้เปิดเผยเอกสารการสืบสวนทุกอย่างที่เคยลับให้เผยแพร่ได้ แม้จะมีข้อเท็จจริงบางส่วนที่อาจกระทบกับความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบียก็ตาม 

แต่ขั้นตอนไขเอกสารลับ ก็ต้องใช้เวลานานถึง 6 เดือน และสังเกตได้ว่าเอกสารที่โจ ไบเดนสั่งให้เปิดเผยได้ มีเพียงส่วนของฝ่ายกฎหมาย และ FBI เท่านั้น ไม่ได้พูดถึงข้อมูลของ CIA และฝ่ายกลาโหมแต่อย่างใด 

และล่าสุดการพิจารณาคดีที่เคยระบุว่าจะกลับมาปัดฝุ่นเริ่มได้ภายในปีนี้ อาจต้องเลื่อนออกไปอีกจนถึงปี 2022 

คดีที่หลายคนคาดว่าจะจบได้ในปีนี้ ดูท่าจะไม่จบง่าย ๆ เสียแล้ว และเริ่มสงสัยว่าจะปิดคดีได้ภายในสมัยรัฐบาลโจ ไบเดนได้จริงหรือ จากที่เคยสัญญาเสียดิบดี แต่สุดท้ายดูท่าจะกลายเป็นบัวแล้งน้ำเสียแล้ว

เรื่อง: ยีนส์ อรุณรัตน์

อ้างอิง: NY Times / NBC News / ABC News  /  Wikipedia