“ดอน” แจงกต.แค่ติดต่อเจรจา ตปท.หาวัคซีนเข้าไทย “โยน” สธ.ชี้ขาดรับของหรือไม่  ยัน 2 กระทรวงไร้ปัญหา 

ที่ทำเนียบรัฐบาล  นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลกำลังเจรจาสั่งซื้อวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จากสหภาพยุโรป (อียู) เพิ่มอีก ว่า  กระทรวงการต่างประเทศได้รับมอบหมายเป็นเพียงฝ่ายติดต่อ โดยเราถือเป็นจุดเริ่มต้นในการไปหาว่าประเทศไหนมีวัคซีนอะไร และประเทศไหนพร้อมจะขาย โดยเราจะให้ทูตไปติดต่อประสานงาน  ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ตัดสินใจเลือกว่าจะซื้อวัคซีนนั้นๆหรือไม่  และเมื่อเราติดต่อได้แล้ว กระทรวงสาธารณสุขก็ต้องมาพิจารณาว่าเข้าแผนที่ได้วางไว้หรือไม่  อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยมีระบบการจัดสรรวัคซีน 3 ระบบ คือ 1.การรับบริจาค 2.การแลกเปลี่ยน และ3.การซื้อ  ทั้งนี้ เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย ถ้าประเทศไหนบอกว่าไม่ต้องการเงิน และพร้อมจะให้เรา  เราก็ยินดีรับ  หรือบางประเทศที่ซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้ แต่เขาต้องการขายเพื่อเอาเงิน เราก็ซื้อ ขณะที่การแลกเปลี่ยนนั้น ถ้าประเทศใดมีวัคซีน เขาให้เราก่อน แล้วถ้าเรามีวัคซีนเหลือ เราก็เอาไปใช้คืนเขา 
 
เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่ากระทรวงการต่างประเทศกับกระทรวงสาธารณสุขไม่ค่อยจะลงรอยกันเท่าไหร่  นายดอน กล่าวว่า  คนพูดกันไปเอง ขอยืนยันว่าไม่มีปัญหาอะไรเลย เพราะเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ต้องช่วยกัน กระทรวงการต่างประเทศมีทูตอยู่ทั่วโลก เรามอบหมายให้ทูตไปติดต่อแล้วมาแจ้งกระทรวงสาธารณสุข  ซึ่งเขาจะไปวางแผนเรื่องการใช้วัคซีน

 “เป็นเรื่องแปลกที่มีคนพยายามพูดโยงอย่างนั้นอย่างนี้ให้มีปัญหากัน ทั้งที่ไม่มีปัญหา  ผมเข้าใจว่าเป็นเรื่องการเมือง เพราะเห็นมีปัญหาอยู่อย่างเดียวที่พยายามทำให้เกิดปัญหา คือการเมืองในบ้านเรานั่นเอง หลายประเทศบอกว่าเขาไม่มาหรอก ให้พวกคุณไปทะเลาะกันให้เรียบร้อยก่อน” นายดอน กล่าว

เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีได้กำชับอะไรในเรื่องการประสานกับต่างประเทศหรือไม่  นายดอน กล่าวว่า  ไม่มี เพราะที่ผ่านมา เราติดต่อทำความตกลงเองมา 7 ปีอยู่แล้ว ซึ่งราบรื่นมาตลอด และเรารายงานนายกรัฐมนตรีให้รับทราบตลอดเช่นกัน  นายกรัฐมนตรีจึงไม่ต้องห่วง เพราะอะไรอยู่แล้ว ตอนนี้ถือว่าการทำงานของกระทรวงการต่างประเทศในการติดต่อกับประเทศต่างๆ มีความเสถียรและรู้ว่าจะต้องทำอะไร จังหวะไหน อย่างไร เพื่ออะไร  แต่ตนอยากให้สื่อมวลชนช่วยทำความเข้าใจกับคนในประเทศเราด้วย อย่าให้มีปัญหา มิฉะนั้นจะทำให้เรื่องที่ควรจะเดินต่อ ไม่สามารถเดินหน้าได้  จึงต้องช่วยกันออกข่าวเตือนประชาชนบ้าง เพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ  เพราะถ้าเราทำให้มีปัญหาอยู่ตลอดเวลา ก็จะทำให้เกิดปัญหาอีกในอนาคต