'ดร.สันต์' ชี้!! หากไทยติด 5-6 ล้าน ค่าเฉลี่ยตายต้อง 5% แต่กดได้ 1% สะท้อนความจริงคือคนไทยต่างร่วมมือ

ดร.สันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง อาจารย์พิเศษคณะบริหารการพัฒนาสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลต้าภายในประเทศ ระบุว่า... 

Covid-19 : บทเรียนจากชัยชนะของไต้หวัน 'สัจพจน์' ที่เราได้จากตัวเลขที่นั่น เพื่อพิสูจน์ความจริงและความลวงในบ้านเรา 

>> เรื่องราวของไต้หวัน:
ไต้หวันเป็นประเทศแรกในโลกที่มีการระบาดของ Alpha อย่างหนักหน่วง และสามารถเอาชนะมันได้แบบลงสู่ Zero New Case ด้วยมาตรการในแบบฉบับ Lockdown ล้วน ๆ ยาวนาน 3 เดือน โดยแทบไม่มีวัคซีนช่วยเลย 

ไม่เคยมีใครทำได้ ประเทศที่สามารถคุม Alpha ได้สำเร็จ คือ คุมไม่ให้ระบาดหนักแต่แรก ในประเทศอื่น ๆ ที่ระบาดหนักแล้วกดลงได้ ก็ไม่เคยกดลงจนเป็นศูนย์ได้เลย 

ข้อมูลที่ไต้หวันมีความสำคัญและเที่ยงตรงมากเพราะ ไต้หวันมีการตรวจเชื้อมหาศาล ในระดับที่เพียงพอที่จะเชื่อได้ว่าไม่มีตกหล่น 

ไต้หวัน Test ไปถึง 5 ล้านครั้งในระดับผู้ติดเชื้อ 16,000 คิดเป็น %Positive แค่ 0.32% เทียบกับไทยเราที่ติดเชื้อไป 1.2 ล้าน เพิ่งตรวจไปได้แค่ 8 ล้านกว่าคนเท่านั้น 

กราฟชัยชนะของไต้หวันจึงเป็น Sample ของ Full Wave ของ Alpha ที่สมบูรณ์และมีขนาดใหญ่เพียงพอที่จะทำให้เราทราบคุณสมบัติต่าง ๆ ของไวรัสครบถ้วน  

>> สัจพจน์:
1.) การลงสู่ Zero New Case เป็นไปได้สำหรับ Alpha ใช้เวลาไม่นานและคุ้มค่าแก่การรอคอย ไต้หวันทำได้ใน 3 เดือนด้วย Lockdown Level 3 โดยที่ยังไม่ได้ใช้ระดับสูงสุดคือ Level 4 เลยด้วย  

2.) ถ้าระบาดวงกว้างแล้วคุมไม่ทัน อัตราการตายจะสูงมากระดับ 5% ไต้หวันล้มเหลวในการคุมการระบาดช่วง 20 วันแรกที่ไม่ยอม Lockdown ทำให้การแพร่ระบาดเป็นวงกว้างไม่ทันตั้งตัว โดยการติดเชื้อตั้งแต่ พ.ค. ประมาณ 15,000 เสียชีวิตถึง 825 คน คิดเป็น 5.5% อัตราการเสียชีวิตสูงมากสำหรับประเทศที่มั่งคั่งแบบไต้หวัน ในขณะที่ Wave ก่อนหน้าที่คุมได้เร็ว ติดเชื้อแค่ 1,130 คน เสียชีวิต 12 คน คิดเป็นแค่ 1% 

3.) Time Constant ของกราฟ %Increase ในการลงสู่ Zero New Case คือ 9.1 เท่ากับที่จีนและไทยเคยทำไว้ใน Wave ของไวรัสอู่ฮั่น หมายถึงการ Lockdown จริงจังยังมีประสิทธิภาพมากกับ Alpha 

บทพิสูจน์ความจริงความลวงในประเทศไทย:
ประเทศไทย ประชากรอายุ 15-64 ปี มี 70.7% ส่วนไต้หวัน ประชากรอายุ 15-64 ปี มี 71.96 % มีโครงสร้างประชากรคล้ายกัน

ปัญหาที่ 1.) ตัวเลขรายงานผู้ติดเชื้อต่ำกว่าความจริงมาก? ของจริงน่าจะติดเชื้อระดับ 5-6 ล้านคนแล้ว?  
>> เฉลย: ถ้ามีการติดเชื้อที่ Undetected ขนาดนั้น ก็จะเป็นการระบาดไปทั่วที่ไม่ได้ควบคุม จะมีอัตราการตายที่มากกว่า 5% คือมีคนตายระดับมากกว่า 300,000 คนภายใน 2 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเห็นชัด ๆ ว่าคงไม่ใช่ เพราะคงเก็บศพไม่ทันแน่นอน จะต้องเป็นภาพของศพเกลี่อนทุกมุมถนน 

ปัญหาที่ 2.) เราอาจจะเข้าใกล้ Herd Immunity แล้วคือติดเชื้อ 30 ล้านคนภายในปีนี้? และที่เหลือก็คือด้วยวัคซีน เหมือนกับไข้หวัดใหญ่ตัวอื่น ๆ 
>> เฉลย: ถ้าติดเชื้อ 30 ล้านคนภายใน 3-4 เดือน ก็คือจะตายกัน 1,500,000 คนขึ้นไป ซึ่งเห็นชัด ๆ ว่าเกิดขึ้นไม่ไหวแน่ และไม่มีไข้หวัดใหญ่ธรรมดาใด ๆ จะฆ่าเราได้เกลื่อนขนาดนี้ 

ปัญหาที่ 3.) ตายด้วยอุบัติเหตุมากกว่า คนจะอดตาย ฆ่าตัวตายมากกว่า จะกลัวโควิดกันมากเกินไปมั้ย เปิดเศรษฐกิจไปเลย Herd Immunity ไปเลยไม่ต้องรอวัคซีน?
>> เฉลย: ต้องจำไว้ว่าอัตราการตายจะคือ 5% โดยที่เกิดจากการใช้ชีวิตปกติ คุณอยู่บ้านเฉย ๆ ไม่ได้ออกไปขับรถซิ่งคุณก็ตายได้ คุณไปกินข้าวในร้านอาหารคุณก็ตายได้ คุณไปทำงาน ไปเดินห้างก็ตายได้ ไวรัสเลือกคุณให้ตายไม่ใช่คุณเลือกที่จะเสี่ยงหรือจะจบชีวิตตัวเอง และจะตายกันมากกว่าเยอะถ้าเล่น Herd Immunity แบบไม่ใช้วัคซีน

บทสรุป
ปัญหาที่ 4.) บุคลากรสาธารณสุขไทย และระบบสุขภาพของไทยเอาไม่อยู่?

>> ต้องบอกตามตรงว่า ประเทศที่ตัวเลขการระบาดมาถึงจุดนี้แล้วและมาเร็วขนาดนี้ แต่ยังสามารถรักษาอัตราการเสียชีวิตไว้ที่ระดับ ต่ำกว่า 1% ได้นี่คือหายากมาก 

เรามีอัตราการเสียชีวิตต่ำมากทั้ง ๆ ที่การระบาดเกิดขึ้นเฉียบพลันภายใน 2-3 เดือน ขณะที่ไต้หวันซึ่งมีคุณสมบัติทางสังคมหลาย ๆ อย่างคล้ายเรา มีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 5.5% ทั้งที่การระบาดไม่มากเท่าเรา 

เราต้องรับรู้จริง ๆ นะครับว่า ถ้าบุคลากรสาธารณสุขไทย ไม่ทุ่มเทสุดตัวขนาดนี้ และความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งรัฐ เอกชน รวมทั้งประชาชนทั่วไปไม่มากขนาดนี้ ไม่มีทางที่เราจะช่วยผู้คนเอาไว้ได้มากมายหลายหมื่นชีวิตแบบนี้แน่นอน 

ไม่มีข้อเฉลยใดที่จะสำคัญไปกว่าข้อที่ 4 นี้อีกแล้วครับ มันสำคัญมากที่เราต้องรู้ และต้องขอบคุณพวกเขาจริง ๆ ครับ ซึ่งพวกเขายังไม่ได้พักกันเลยตลอด 4 เดือนแล้ว 

>> และคำขอบคุณที่ดีที่สุด คือ อย่าเพิ่งรีบออกจากบ้านไปเสี่ยงรับเชื้อเพราะอดใจไม่ไหวแล้ว

>> ขอให้อดเปรี้ยวไว้กินหวานดีกว่าครับ อีกไม่นานเกินรอครับ


ที่มา : https://www.facebook.com/100000921874426/posts/6379240792116587/