“ลาปาซ” คือเมืองหลวงของประเทศโบลิเวียที่เรียกได้ว่าเป็นเมืองหลวงที่สูงที่สุดในโลกเพราะอยู่ห่างจากระดับน้ำทะเลถึง 3,650 เมตร นอกจากความสวยงามของเมืองแห่งนี้แล้วยังมีประเพณีและวัฒนธรรมที่สวยงามอีกด้วย

“ที่สุดในโลก” ต้องยกให้ลาปาซ คือการรั้งตำแหน่งเมืองหลวงที่ตั้งอยู่สูงที่สุดในโลก ด้วยความสูงเฉลี่ยอยู่ที่ 3,650 เมตรจากระดับน้ำทะเล นครบนเทือกเขาแอนดีสแห่งนี้เป็นศูนย์กลางการปกครองและเศรษฐกิจของโบลิเวีย ประเทศหนึ่งในทวีปอเมริกาใต้ซึ่งหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์เคยตกอยู่ภายใต้อาณานิคมสเปนอย่างยาวนานหลายร้อยปี เฉกเช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ ในโลกซีกนี้ ร่องรอยแห่งยุคล่าเมืองขึ้นยังปรากฏให้เห็นโดยทั่วไปผ่านทางสิ่งก่อสร้าง ศาสนา ภาษา สิ่งตกค้างทางวัฒนธรรมด้านอาหาร ดนตรี การเต้นรำ และเทศกาลต่าง ๆ

“ลาปาซ” (La Paz) เป็นชื่อเรียกภาษาสเปน มีความหมายว่า “สันติภาพ” ฟังแล้วไพเราะ หากมองเมืองนี้แต่ผิวเผินด้วยสายตานักท่องเที่ยวก็คงเห็นด้วย เพราะโดยรวมขณะไปเยือนและอยู่ที่นั่นก็สามารถสัมผัสถึงความสงบสุขมีชีวิตชีวามากทีเดียว ทว่า หากย้อนกลับไปคุ้ยค้นประวัติศาสตร์และสภาพปัญหาที่หยั่งรากลึก ณ ปัจจุบันนี้ก็เริ่มเห็นภาพการพยายามดิ้นรนต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของชาวเมืองนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งจะว่าไปไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดแต่อย่างใดสำหรับประเทศ “กำลังพัฒนา” ทั้งหลาย (รวมเมืองไทยด้วยไหม?)

อาจจะโชคดีที่ผมไม่ได้สิงสถิตนานมากพอ จึงได้แต่บอกเล่าสิ่งละอันพันละน้อยเกี่ยวกับมนต์เสน่ห์ของเมืองหลวงแห่งเทือกเขาแอนดีสนี้ โดยไม่อาจล้วงลึกถึงแก่นปัญหาสังคม ซึ่งมองในแง่หนึ่งก็ทำให้รื่นรมย์ชื่นชมเมืองในขณะเป็นแขกเหรื่อชั่วคราวที่นั่นได้มากทีเดียว เพราะภาพที่เห็นไม่ได้ทำให้ความรู้สึกและอารมณ์ขุ่นมัวนั่นเอง 

เนื่องจากเป็นเมืองที่ขยายตัวออกค่อนข้างกว้าง แถมตึกรามบ้านช่องยังปลูกสร้างกันบนไหล่เขาลดหลั่นเสียขนาดนั้น ในฐานะนักท่องเที่ยว หากจะตั้งต้นทำความรู้จักลาปาซ ก็คงต้องเริ่มกันที่จุดศูนย์กลาง ในที่นี้ คือย่านเมืองเก่าคาสโกเวียโฮซึ่งมีทุกอย่างพร้อมสรรพสำหรับทัวริสต์ เปรียบเทียบก็คงคล้ายพื้นที่โดยรอบคูเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเต็มไปด้วยที่พัก ร้านค้า ร้านอาหาร ผับบาร์ บริษัททัวร์ พิพิธภัณฑ์ และทุกสิ่งทุกอย่างที่นักท่องเที่ยวพึงประสงค์ 

แน่นอน ย่านนี้ได้รับการบูรณะอย่างดี ถนนปูด้วยก้อนหินคนเดินเหยียบย่ำกันทุกวันจนสึกกร่อนมันเลื่อม สินค้าที่ระลึกอาจจะแปลกตาสำหรับคนต่างชาติต่างภาษา ไม่ว่าจะเป็นงานศิลปะ งานถักทอจักสาน แม้กระทั่งเจ้าก้อนหินซากฟอสซิลก็มีจำหน่าย ซึ่งซากหอยโบราณที่พบบนเทือกเขาแอนดีสความสูงตั้งหลายพันเมตรเหล่านั้นก็มีอายุอานามพอ ๆ กับหินเก่าแก่ประเภทเดียวกันที่พบบนเทือกเขาหิมาลัยด้วยเช่นกัน เช่นนี้แล้วก็น่าสนใจมากในแง่ที่ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้วน้ำเคยท่วมทั้งโลกตามที่คัมภีร์โบราณตะวันออกกลางได้บันทึกไว้นั้นมีมูลความจริงหรือไม่

ระยะที่ห่างออกจากตัวเมืองเก่าเพียงเล็กน้อยแค่ระยะเดินถึง สามารถสำรวจตลาดใหญ่ขายทุกอย่างชนิดสำเพ็ง เยาวราช ประตูน้ำ บางลำพูรวมกันอาจไม่สามารถเทียบได้ เดินสำรวจตรวจตราและถ่ายรูปไปพลางอาจหอบหายใจถี่เพราะปริมาณออกซิเจนต่ำกว่าค่าปกติที่อยู่บนพื้นที่สูงเกือบสี่พันเมตรเช่นนี้ แต่สนุก เพราะมีสีสันและมีชีวิตชีวา คล้ายตลาดสดของประเทศในแถบเอเชียซึ่งไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย พวกฝรั่งมังค่าอาจจะตื่นตา ทว่าคนไทยอาจจะรู้สึกถึงความคุ้นเคยบางประการแม้จะจากบ้านเมืองตัวเองมาไกลค่อนโลกเช่นนี้ ต้องเรียกว่าเป็นความเหมือนแบบ same same but different ล่ะ เพราะสีสันฉูดฉาดที่แตกต่าง กลิ่นที่จมูกรับสัมผัสก็ไม่ใช่กลิ่นแบบเอเชีย สิ่งที่เหมือนคือความวุ่นวายขวักไขว่และไร้ระเบียบนั่นแหละ 

คนดั้งเดิมอาศัยอยู่กันมาก่อนพวกสเปนจะมารุกรานคือชนเผ่าอินคาหลากหลายชาติพันธุ์ เทียบกับเมืองไทยก็คงเหมือนชนเผ่าบนดอย ไม่ว่าจะเป็นอาข่า ลีซู ปวากะญอ ลาหู่ และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่โบลิเวียนั้นคนท้องถิ่นเชื้อสายหลักคือ คนไอยมารา และเกชัว คนเหล่านี้มีผิวสีน้ำตาล ผมดำ และโครงหน้าคล้ายคนอินเดียนแดงทางอเมริกาเหนือ สันนิษฐานว่าน่าจะมีความเกี่ยวโยงกันทางพันธุกรรม และน่าจะมีบางอย่างเชื่อมโยงกับคนเอเชียด้วย หากพิจารณาเฉพาะในตัวเมืองลาปาซแล้วจะพบว่าประชากรราว 80% เป็นคนท้องถิ่นดั้งเดิม มีคนขาวซึ่งเป็นลูกหลานชาวยุโรปซึ่งตกค้างมาจากสมัยล่าอาณานิคมอยู่เพียงเล็กน้อย นัยหนึ่งก็คือโบลิเวียเป็นประเทศซึ่งมีความเป็นชาตินิยมสูง แม้กระทั่งประธานาธิบดีก็เป็นคนที่ปกครองยาวนานมากที่สุดคนหนึ่ง คือโมราเลส ก็เป็นคนเผ่าไอยมารา แถมยังมีนโยบายแข็งกร้าวต่อท่าทีของสหรัฐอเมริกาโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องพืชโคคา เป็นที่ทราบกันดีว่าใบโคคานั้นนำไปใช้เป็นสารตั้งต้นร่วมกับการผลิตยาเสพติดร้ายแรงโคเคน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วโคคาเป็นพืชประจำถิ่นบนเทือกเขาแอนดีสและผู้คนก็เคี้ยวใบโคคาแห้งกันมายาวนานหลายศตวรรษ เรียกว่าเป็นวัฒนธรรมอินคาอย่างหนึ่งก็ว่าได้ โบลิเวียเป็นประเทศเดียวในอเมริกาใต้ที่ออกกฎหมายอนุญาตให้มีการขายใบโคคาแห้งในตลาดร้านค้าได้ ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้แก่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาค่อนข้างมาก ทั้งนี้ก็เพราะมองกันคนละมุมนั่นเอง

ในตลาดเต็มไปด้วยพ่อค้าแม่ขาย ส่วนใหญ่ผู้หญิงหลังแต่งงานไปจนถึงวัยกลางคนมักเริ่มกลายสภาพเป็น “ตุ่มเคลื่อนที่” เพราะรูปร่างและน้ำหนักตัวของพวกเธอ ด้วยเอกลักษณ์เครื่องแต่งกายเฉพาะไม่ซ้ำแบบหรือพยายามตามกระแสโลกปัจจุบันที่นิยมหญิงร่างบางสูงโปร่ง ผู้หญิงโบลิเวียปล่อยให้ร่างท้วมฉุเพราะเชื่อว่าคือความอุดมสมบูรณ์ สามารถสืบทอดเผ่าพันธุ์ได้ดีกว่า อีกทั้งแฟชั่นเครื่องแต่งกายก็ยังคงเป็นการนุ่งกะโปรงจับจีบคล้ายสุ่มไก่สีสันฉูดฉาด พร้อมกับสวมหมวกทรงคาวบอยหรือหมวกนักมายากล อันที่จริง ผู้หญิงโบลิเวียแข็งแกร่งกว่าที่คิดมาก เพราะมีกีฬามวยปล้ำที่เรียกว่าโชลิตา ซึ่งนักกีฬาจะต่อสู้กันในสังเวียน อาจจะเป็นผู้หญิงสู้กับผู้หญิงด้วยกันเอง หรือผู้หญิงต่อกรกับผู้ชายอกสามศอกก็ได้ ดังนั้น ถ้าจะให้ดี อย่าได้ริต่อล้อต่อเถียงกับผู้หญิงประเทศนี้จะดีที่สุด  

แม้ศาสนาตะวันตกจะมีบทบาทในสังคม แต่คนโบลิเวียจำนวนมากยังคงเหนียวแน่นในจารีตและความเชื่อดั้งเดิมแห่งบรรพบุรุษ ยังคงเชื่อถือโชคลางและผีสาง ยังมีการบนบานสานกล่าว สังเกตได้ง่ายจากย่านหนึ่งใกล้คาสโกเวียโฮที่เต็มไปด้วยร้านขายเครื่องเซ่นไหว้ รวมถึงของบวงสรวงอย่างเช่นรกและตัวอ่อนสัตว์ประเภทลามาขายเป็นสินค้าปกติ นั่นก็อีกหนึ่งความน่าสนใจในลาปาซ 

หากอยากเห็นเมืองในมุมกว้างและสูง ชนิดตื่นตาตื่นใจ ด้วยสนนราคาถูก ก็ต้องนั่งกระเช้าไฟฟ้าอันเป็นขนส่งสาธารณะชั้นเยี่ยม เพราะมีเครือข่ายครอบคลุมแทบทั่วทั้งเมือง และยังคงมีการขยายมากขึ้นไปอีก เทียบแล้วก็คงคล้ายกับระบบรถไฟฟ้าทั้งบนดินและใต้ดินในเมืองใหญ่ทั้งหลาย รวมทั้งกรุงเทพมหานครที่พยายามเชื่อมทั้งเมืองเข้าด้วยกัน แต่ลาปาซไม่สามารถใช้ระบบรถไฟฟ้า เพราะเมืองตั้งอยู่บนไหล่เขาลาดชันมาก กระเช้าไฟฟ้าจึงเป็นวิธีที่สมเหตุสมผลมากกว่าโดยประการทั้งปวงนั่นเอง นอกจากจะได้ชมทั้งเมืองแล้ว ในวันฟ้าเปิดยังมองเห็นภูเขาหิมะในระยะไกลออกไปอีกด้วย

จะได้ “สัมผัส” สิ่งละอันพันละน้อยในเมืองใหญ่ลาปาซมากน้อยเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับปริมาณเวลาที่มี กับความกว้างของใจของผู้ไปเยือนที่เปิดออก ...ไหน ๆ ก็ยากเย็นกว่าจะไปถึงแล้ว ก็อยู่ให้นานหน่อย เปิดใจให้กว้าง ๆ เพื่อรับทราบเรียนรู้ และซึมซับความประทับใจที่เมืองนี้สามารถหยิบยื่นให้ได้ ดีไหม?    


เขียนโดย : คุณสว่าง ทองดี จบการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ (ชีววิทยา) ชอบปั่นจักรยานท่องโลกและหลงไหลกาแฟ