กมธ.ปปช.รับเรื่องร้อง กรณี ข้าราชการมท.รีดไถประชาชน เก็บส่วย อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ ปปส. ชี้ชัด ต้องเร่งปฏิรูปกระบวนการ ยุติธรรม ตำรวจ ย้ำชัด ไม่ได้มีเเค่เคส ผกก.โจ้ ในวงการสีกากี 

ธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการการป้องกันเเละปราบปราม การทุจริตเเละประพฤติมิชอบ ( ปปช.) สภาผู้แทนราษฎร รับหนังสือร้องเรียนจาก พันจ่าเอก อดิศักดิ์ สมบัติคำ อดีตผู้สมัครพรรคอนาคตใหม่ เขต2 มหาสารคาม  พร้อมด้วย นาย ทศพล วาปิทะ อดีตปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง อำเภอนาเชือก จังหวัดมหาสารคาม เพื่อขอให้ตรวจสอบชุดปฏิบัติการพิเศษสังกัดกรมการปกครอง อำเภอนาเชือกซึ่งเป็นชุดตรวจจับยาเสพติดในพื้นที่ แต่ภายหลังพบความผิดปกติมีพฤติกรรมรีดไถผู้ต้องหาเพื่อแลกไม่ดำเนินคดีและไม่ลงบันทึกประจำวันหากยอมจ่ายเงินตามที่เจ้าหน้าที่เรียกเก็บ

ธีรัจชัย กล่าวว่า ในนามของคณะกรรมาธิการการป้องกันเเละปราบปราม การทุจริตเเละประพฤติมิชอบ ( ปปช.) สภาผู้แทนราษฎร ในเรื่องที่เกี่ยวกับยาเสพติด เราเคยตรวจสอบในเรื่องคุณสมบัติของการเข้าสู่ตำเเหน่งรัฐมนตรี เเละลักษณะต้องห้ามของร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรเเละสหกรณ์ ที่เป็นผู้ต้องหาในคดียาเสพติดก่อนเข้ารับตำเเหน่งรัฐมนตรี โดยเรายื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ  ซึ่งสิ่งสำคัญคือการตรวจสอบความจริงให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสังคม โดยในฐานะกมธ. การป้องกันเเละปราบปราม การทุจริตเเละประพฤติมิชอบ (ปปช. ) เราต้องตรวจสอบ 2 ส่วน ในการทำความจริงให้ประจักษ์ และสิ่งสำคัญเราต้องตรวจสอบไปยังโครงสร้าง ในการกลั่นกรองตรวจสอบบุคคลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ  โดยในประเด็นของพันตำรวจตรี ธิติสรรค์ อุทธนผล ( ผกก.โจ้ ) อดีตผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ นั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในวงการตำรวจ ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาที่สำคัญต่อกระบวนการยุติธรรม ของประเทศ 

ทั้งนี้ ธีรัจชัย กล่าวว่า ตนจะรับเรื่องดังกล่าวไปพิจารณา เเละตรวจสอบเเละแก้ไขในเชิงโครงสร้าง ต้องมีการปฏิรูปวงการตำรวจ เเละปฏิรูปองค์กร สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ปปส. เพื่อสร้างบรรทัดฐานของกระบวนยุติธรรม เเละเป็นการสร้างความจริงให้ปรากฎในระดับพื้นที่ เเละขยายไปยังระดับประเทศ 

ด้านพันจ่าเอก อดิศักดิ์ ระบุว่า พฤติกรรมในลักษณะนี้ไม่ได้มีแต่ในวงการตำรวจตามที่เป็นข่าวกรณี ผู้กำกับจังหวัดนครสวรรค์ ใช้ถุงดำคลุมศรีษะผู้ต้องหายาเสพติดหลังเรียกเงินจำนวน2ล้านบาท เพื่อไม่ให้คดีความนำไปสู่การดำเนินคดี วันนี้สิ่งที่ตนต้องการบอกให้สังคมรับรู้คือ ความเป็นจริงในสังคมไทยขณะนี้คือเจ้าหน้าที่รัฐกำลังเป็นอาชญากรเสียเอง  ตั้งตัวเป็นศาลเตี้ยเพื่อเรียกค่าเสียหายหวังยุติคดีความต่างๆ นี่คือความเสื่อมของระบบราชการไทยที่ผู้ถือกฎหมายเป็นโจรเพื่อปกปิดความถูกต้องเสียเอง 

โดยนาย ทศพล วาปิทะ อดีตปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง อำเภอนาเชือก ได้รับร้องร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนถึงการกระทำที่ไม่เหมาะสมของชุดปฏิบัติการพิเศษสังกัดกรมการปกครอง ที่มีนายวชิรชัย โคตรประทุมปลัดอำเภอ เป็นหัวหน้าชุด มีพฤติกรรมมิชอบ จากกรณีที่มีการรีดไถผู้ต้องหาหลังตรวจพบยาเสพติด โดยมีการเรียกเงินโดยอ้างว่าหากต้องการให้คดีนี้จบไปต้องจ่ายเงินมาในจำนวนเท่านี้ เท่านี้ ซึ่งไม่ใช่เป็นการเรียกเก็บแค่ครั้งเดียวแต่มีการข่มขู่เพื่อเรียกเก็บหลายครั้ง การกระทำเช่นนี้เป็นกระบวนการที่มีผู้รู้เห็นหลายระดับ ซึ่งตั้งแต่ตนเข้ามาตรวจสอบการทำงานที่ไม่ชอบมาพากลนี้ ก็ไม่เคยมีความปลอดภัยในชีวิตและหน้าที่การงานอีกเลย ไม่ว่าจะเป็นการถูกสะกดรอยตาม ข่มขู่กดดันให้ออกจากราชการ และปัจจุบันมีคำสั่งย้ายให้ไปทำหน้าที่ฝ่ายทะเบียนในอำเภอเมือง  จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนเองจึงมั่นใจว่ากระบวนการนี้มีการรู้เห็นหลายระดับอย่างแน่นอน  ซึ่งหากยังปล่อยให้มีโจรในคราบเจ้าหน้าที่รัฐที่รู้เห็นตั้งแต่หัวถึงหางเช่นนี้ เช่นนี้ต่อไปประชาชนจะอยู่อย่างไร รวมถึงจะเสื่อมศรัทธาในกระบวนการยุติธรรม 

“ผมขอย้ำว่าการกระทำเช่นนี้ ไม่ได้มีเพียงในวงการตำรวจเท่านั้นเพราะในส่วนของข้าราชการเองก็รีดไถประชาชนไม่ต่างกัน จึงอยากฝากให้กรรมาธิการช่วยตรวจสอบและดำเนินการหยุดยั้ง ศาลเตี้ยในระบอบราชการไทยเสียที ขอให้หน่วยงานปปส. เป็นส่วนร่วมในการตรวจสอบ เเละลงพื้นที่อ.นาเชือก ในพื้นที่ที่เกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบเเละไขข้อเท็จจริงให้ประจักษ์ต่อประชาชน" พันจ่าเอก อดิศักดิ์  กล่าวทิ้งท้าย