ครม. เพิ่มวงเงินเยียวยา 4.4 หมื่นล.ให้แรงงานประกันสังคม พร้อมอนุมัติโครงการจัดหาวัคซีนไฟเซอร์เพิ่มเติมกว่า 9 ล้านโดส!!

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. อนุมัติขยายกรอบวงเงินกรอบวงเงินในโครงการเยียวยาผู้ประกันตน มาตรา 39 และมาตรา 40 เพิ่มจำนวน 44,314 ล้านบาท เป็นจำนวน  77,785 ล้านบาท จากเดิม  33,471 ล้านบาท สำหรับการให้ความช่วยเหลือผู้ประกันตนมาตรา 39 และ มาตรา 40 ในพื้นที่ 29 จังหวัด รวม 9,385,930 คน ได้แก่ ผู้ประกันตนมาตรา 39 จำนวน 1,436,171 คน และผู้ประกันตน มาตรา 40 จำนวน 7,949,759 คน อัตราการให้ความช่วยเหลือ 5,000 บาท/คน 

ทั้งนี้ จากการขยายระยะเวลาให้ผู้ประกันตนมาตรา 40 ในพื้นที่ 3 จังหวัด ให้สามารถขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนรายใหม่ได้ ตั้งแต่วันที่ 1- 24  สิงหาคม และ พื้นที่ 16 จังหวัด ให้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนรายใหม่ได้ ตั้งแต่วันที่ 4-24 สิงหาคม ที่ผ่านมา รวมทั้งขยายการให้ความช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่ 13 จังหวัด เพิ่มเติม 1 เดือน 

ขณะเดียวกันที่ประชุมครม.ยังมอบหมายให้กระทรวงคมนาคม ไปพิจารณาความเหมาะสมในการจัดทำข้อเสนอโครงการเยียวยาผู้ขับขี่รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกิน 7 คน และรถจักรยานยนต์สาธารณสะที่ไม่สามารถสมัครเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 เพราะมีอายุเกิน เพื่อจะได้ช่วยเหลือแรงงานที่ได้รับผลกระทบครอบคลุมทุกกลุ่ม

นอกจากนี้นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. อนุมัติโครงการจัดหาวัคซีนไฟเซอร์ เพื่อป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย เพิ่มเติม จำนวน 9,998,820 โดส ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กรอบวงเงิน 4,744.9 ล้านบาท โดยให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้แผนงานที่ 1 เกี่ยวข้องกับสาธารณสุข เพื่อเป็นการจัดซื้อจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด ตามนโยบายรัฐบาล ที่จะจัดหาวัคซีนให้ประชาชน 100 ล้านโดส ภายในสิ้นปี 2564 หลังจากรัฐบาลได้จัดหาวัคซีนป้องกันโควิดไปแล้ว 80 ล้านโดส วงเงิน 22,990 ล้านบาท

สำหรับกลุ่มเป้าหมายกำหนดไว้ 6 กลุ่ม คือ 1.เด็กอายุ 12-17 ปี 2.หญิงมีครรภ์ที่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 12 สัปดาห์ขึ้นไป 3.บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า (ฉีดกระตุ้นภูมิคุ้มกัน 1 เข็ม) 4.ผู้สูงอายุและผู้อยู่ในกลุ่ม 7 โรคเสี่ยงที่มีสัญชาติไทย 5.ชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศไทย เน้นผู้สูงอายุและโรคเรื้อรัง  6.ผู้ที่มีความจำเป็นต้องฉีดวัคซีนเพื่อเดินทางไปต่างประเทศ เช่น นักเรียน นักศึกษา และนักการทูต โดยกลุ่มเป้าหมายสามารถปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคได้

“การจัดซื้อไฟเซอร์จำนวน 9.9 ล้านโดสนี้ ช่วยให้ไทยสามารถบรรลุเป้าหมายการจัดหาวัคซีนให้กับประชาชนจำนวนอย่างน้อย 100 ล้านโดส ภายในปี 2564 เพื่อช่วยประชาชนให้เข้าถึงวัคซีน โควิด-19 ตามนโยบายของรัฐสร้างภูมิคุ้มกันโรค ลดอัตราการป่วยและการเสียชีวิตรวมทั้งเป็นการลดผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสังคมให้กลับสู่สภาพปกติโดยเร็วด้วย“