เมืองเล็กๆ ที่ “Arosa” (อาโรซา) ความธรรมดาที่แสนพิเศษในสวิส เส้นทางที่เต็มไปด้วย ‘กระรอก’ และหิมะแห่งความงาม

ถ้าพูดถึงสวิตเซอร์แลนด์ก็คงจะต้องนึกถึงธรรมชาติ ภูเขาสูงตระหง่าน ทะเลสาปแสนสวย ทุ่งหญ้าเขียวขจีแซมดอกหญ้าสีเหลือง นี่คือสิ่งที่แม้วี่จะอยู่มา 20 ปีแล้ว แต่ไม่เคยเบื่อและยังตกหลุมรักสวิสอยู่ วันนี้เลยอยากมาแบ่งปันสถานที่หนึ่งซึ่งรักมากและไปทุกปีให้ทุก ๆ คนได้รู้จัก

Arosa (อโรซ่า) เป็นเมืองเล็ก ๆ ตั้งอยู่ที่ความสูง 1,700 เมตร จากระดับน้ำทะเล ในรัฐ Graubünden (กราวบึนเด่น) เมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องอากาศที่บริสุทธิ์และวิวที่สวยงามเพราะมีภูเขาล้อมรอบ ภูเขาที่เป็นจุดเด่นของเมืองก็คงจะเป็นภูเขา Weisshorn (ไวซ์ฮอร์น) ที่มีความสูง 2,653 เมตร จากระดับน้ำทะเล เมืองนี้เป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวและคนสวิสเองรู้จักเป็นอย่างดีว่าเป็นสวรรค์ของคนเล่นสกี รวมถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงมาที่นี่เพื่อทรงสกีและไอซ์เสก็ต อยู่บ่อยครั้ง หากต้องการตามรอยเสด็จฯ ให้ไปที่โรงแรม Arosa Kulm Hotel & Alpin Spa ภายในโรงแรมจะมีพระบรมฉายาลักษณ์ของราชสกุลมหิดลมากมาย โดยเฉพาะห้อง 427 เป็นห้องที่ราชสกุลมหิดลเลือกประทับเป็นประจำและข้างในยังคงถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีเลยทีเดียว (ที่มา: สารคดี สถานที่ตามรอยพระบาทในหลวงรัชกาลที่ 9)

ช่วงเวลาที่วี่ชอบไปคือช่วงเดือนเมษายนหรือพฤษภาคม ช่วงนี้เป็นเหมือนช่วงเบรคซีซั่น เพราะโรงแรมใหญ่ ๆ และกระเช้าขึ้นเขาที่สำคัญ ๆ จะปิดบริการหมด ซึ่งเหมาะกับวี่ที่ชอบเที่ยวแบบสบาย ๆ คนไม่ค่อยเยอะ การเดินทางก็สามารถขับรถไปได้ง่าย ๆเพียงแต่ทางค่อนข้างชันแถมต้องขับรถข้ามเขาที่มีโค้งร้อยกว่าโค้ง ใครเมารถแนะนำให้เอามะม่วงดอง บ๊วยเค็มและยาดมติดกระเป๋าไปด้วย แต่ถ้าไม่อยากขับรถก็สามารถนั่งรถไฟจากเมือง Chur (คัวร์) ใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงก็มาถึงแล้ว แถมตลอดเส้นทางที่ไต่เขามายังสวยสะกดอีกต่างหากทำให้หนึ่งชั่วโมงเป็นช่วงเวลาที่เพลิดเพลินไม่น่าเบื่อเลย

เกริ่นมาตั้งนานยังไม่ยอมเข้าเรื่องสักทีเนอะ เมื่อลงจากรถไฟก็จะเจอวิวของทะเลสาบ Obersee (โอเบอร์เซ) แต่ถ้าขับรถมาเห็นทะเลสาปกับสถานีรถไฟเมื่อไหร่ ก็จะเห็นที่จอดรถลานกว้าง ๆ เลย เนื่องจากวี่ไปช่วงเมษา ดังนั้นส่วนมากทะเลสาปที่วี่เห็นก็คือจะปกคลุมไปด้วยหิมะ บางปีหนาวมาก ๆ ทั้งทะเลสาปก็กลายร่างเป็นน้ำแข็งไปหมด ดูสวยไปอีกแบบ

เดินออกจากตรงนี้ไปไม่ไกลก็จะเป็นทาง Hiking ที่สามารถเดินเล่นได้ง่าย ๆ ชิล ๆ ประมาณเด็กเดินได้ผู้ใหญ่เดินดี เส้นทางที่วี่เดินคือเข้าทางหนึ่งออกอีกทางหนึ่งระยะทางจะประมาณ 5 กิโลเมตรเท่านั้น เมื่อเริ่มเดินผ่านทางเข้ามาแล้ววี่จะหยิบถุงถั่วออกมา ส่วนใหญ่วี่จะใช้เป็นถั่ว Hazelnut (ฮาเซลนัท) เดินไปเขย่าถุงไป เจ้ากระรอกทั้งหลายจะชินกับเสียงคนและเสียงถุงพลาสติกอยู่แล้ว

เมื่อกระรอกเริ่มออกมา แนะนำให้เบาเสียงลง ไม่เคลื่อนไหวเร็ว ๆ ช่วงแรกเอามือที่ถือถั่ววางลงบนพื้นก่อน เมื่อกระรอกเริ่มกล้าที่จะมาเอาถั่วที่มือเราทีนี้เราก็ขยับยกมือให้สูงขึ้น บางตัวถึงกับปีนขึ้นมาเอาบนขาเลยทีเดียว สิ่งนึงที่อยากบอกคืออย่าจับตัวน้อง เพราะน้องเป็นกระรอกป่าไม่ได้เชื่องถึงขนาดจะให้อุ้มได้ อาจโดนกัดและอาจมีเชื้อโรค สังเกตได้ว่าบางตัวจะขี้ตกใจมากเป็นพิเศษอาจเป็นเพราะเคยโดนจับนี่แหละ แล้วเขาจะไม่มาเอาถั่วอีกเพราะจะไม่เชื่อใจและขี้กลัวไปเลย เดินไปตามทางก็จะมีกระรอกไปตลอดทั้งทางเช่นกัน

ที่มากพอ ๆ กับกระรอกก็เห็นจะเป็นนก ซึ่งก็มีหลากหลายสายพันธุ์และสวยงามมาก เราสามารถทุบถั่วให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ และวางบนขอนไม้เดี๋ยวเจ้านกตัวน้อยก็จะบินมาคาบไปกินเตรียมกล้องพร้อมชักภาพได้เลย หรือจะทำแบบวี่คือวางถั่วที่ฝ่ามือยื่นออกจากตัวยืนให้นิ่งที่สุดและร้องเพลงรอ กว่าเจ้านกจะมาเกาะมือและกินถั่วที่มืออาจมีเหน็บกินกันบ้าง และถึงแม้ว่าเส้นทางจะเพียงห้ากิโลเมตรเท่านั้น แต่วี่ให้เวลาตัวเองดื่มด่ำกับความสวยงามของธรรมชาติ เสียงนกเจื้อยแจ้ว และเจ้ากระรอกที่วิ่งไปมาขวักไขว่อย่างเต็มที่

แม้สวิสจะมีสิ่งปลูกสร้างมากขึ้นกว่ายี่สิบปีที่แล้วที่วี่มาอยู่ใหม่ ๆ แต่ยังคงรักษาธรรมชาติไว้ได้อย่างดี มีทาง Hiking ทั่วไปและมีหลายระดับความยากตามความฟิตของแต่ละคนให้เลือก และวิวทิวทัศน์ระหว่างทางที่สวยงาม เอาแค่วิวหน้าต่างห้องนอนที่บ้านวี่เอง ตื่นมาวิวไม่เคยเหมือนเดิมเลยสักวัน วี่ชอบธรรมชาติ ชอบที่เปิดหน้าต่างมาตอนเช้าแล้วได้ยินเสียงกระดิ่งของวัวข้างบ้าน เสียงนกคุยกันเจื้อยแจ้ว หรือภาพแกะของเพื่อนบ้านเล็มหญ้าอย่างเอร็ดอร่อย บางครั้งการมีความสุขได้กับความธรรมดาในโลกปัจจุบันถือเป็นความโชคดีที่สุดแล้ว...


เขียนโดย: วีวี่ เซเลบภูเขา 
ตาล หรือ วีวี่ สาวสัตหีบชาวไทย เรื่องราวที่อยากบอกเล่า จากประสบการณ์ชีวิตมากกว่า 21 ปี ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์