ครม. ไฟเขียวซื้อ-จัดหาวัคซีน Pfizer รวม 30 ล้านโดส 

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย เพิ่มเติม จำนวน 20,001,150 โดส (Pfizer) กรอบวงเงินจำนวน 9,372 ล้านบาท แบ่งเป็นการจัดหาวัคซีน 8,439 ล้านบาท และการบริหารจัดการ 933 ล้านบาท ช่วงระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่เดือน ส.ค. – ธ.ค.นี้ เพื่อจัดหาวัคซีนโควิด-19 สำหรับสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชน โดยกลุ่มเป้าหมายสามารถปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19

สำหรับโครงการจัดหาวัคซีนโควิด-19 เพิ่มเติม (Pfizer) จำนวน 20,001,150 โดส ของกรมควบคุมโรค ตามนโยบายรัฐบาลที่จะจัดหาวัคซีนให้แก่ประชาชน 100 ล้านโดส ภายในสิ้นปี 2564 สำหรับสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ประกอบกับ ขณะนี้มีผู้ผลิตวัคซีนโควิด-19 ที่ใช้เทคโนโลยีในการผลิตที่หลากหลาย รัฐบาลจึงเห็นควรให้มีจัดหาวัคซีนที่มีเทคโนโลยีการผลิตที่แตกต่างกันให้สามารถครอบคลุมการกลายพันธุ์ของไวรัส โควิด-19 ที่มีอยู่ทั่วโลกทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ซึ่งจะช่วยให้สามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่แก่คนไทยได้อย่างแท้จริง ลดอัตราการป่วย/การเสียชีวิต และลดค่าใช้จ่ายภาครัฐในการดูแลรักษาผู้ป่วยจากโควิด รวมทั้งลดผลกระทบ/พื้นฟูสภาพเศรษฐกิจและสังคมให้กลับสู่สภาวะปกติได้โดยเร็ว

นอกจากนี้ที่ประชุม ครม. ยังรับทราบการจัดสั่งซื้อวัคซีนไฟเซอร์เพิ่มเติมอีก 10 ล้านโดส พร้อมมอบให้กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขได้ลงนามกับผู้แทนบริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัดและไบออนเทค ทำให้การจัดซื้อวัคซีนไฟเซอร์ซึ่งเป็นวัคซีนชนิด mRNA  เพิ่มจำนวนเป็น 30 ล้านโดส ซึ่งจะเริ่มทยอยจัดส่งในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 นี้ 

ส่วนการทำข้อตกลงเพื่อจัดหาวัคซีนไฟเซอร์ในครั้งนี้ จะทำให้ไทยมีวัคซีนโควิด-19 กระจายให้ประชาชนเกือบครบทุกชนิด ทั้งในส่วนของ mRNA ของไฟเซอร์ และโมเดอร์นา ชนิดเชื้อตาย ของซิโนแวคและซิโนฟาร์ม ชนิดไวรัลเวกเตอร์ ของแอสตร้าเซนเนก้า โดยวัคซีนไฟเซอร์ ได้รับการขึ้นทะเบียนแบบมีเงื่อนไขจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2564 และเป็นวัคซีนที่ขึ้นทะเบียนให้ใช้สำหรับผู้ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไปได้