โฆษกศบศ. ชี้ รบ. ขับเคลื่อนมาตรการเยียวยา หวังกระตุ้นเศรษฐกิจทำสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น จี้ ฝค. เพลาๆการเมืองลงบ้าง

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกประจำศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) กล่าวว่า สถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 วันนี้ ยอดผู้ป่วยที่รักษาหายสามารถกลับบ้านได้วันนี้ 22,086 คน เป็นตัวเลขที่สูงกว่าจำนวนยอดผู้ติดเชื้อ ซึ่งจากการประเมินตัวเลขยอดผู้ป่วยที่รักษาหายสามารถกลับบ้านได้ในสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น อยู่ที่ประมาณ 159,000 คน เฉลี่ยอยู่ที่วันละสองหมื่นกว่าคน ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี สะท้อนความสำเร็จ และเป็นกำลังใจที่สำคัญของบุคลากรทางการแพทย์และทีมงานทุกคนที่ถือเป็นด่านหน้าในการรักษาพยาบาล ซึ่งตอนนี้ยอดผู้ป่วยทั่วประเทศที่หายกลับบ้านสะสม (ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564) อยู่ที่ 550,714 คน ในขณะที่ผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 767,088 คน ยอดผู้ที่อยู่ระหว่างรักษาอยู่ที่ประมาณ 2 แสนคน ขอให้ทุกฝ่ายเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขของไทย ให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ อย่ามองแค่ตัวเลขของผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น เพราะยอดผู้ป่วยรายวันที่รักษาหายก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการสะท้อนศักยภาพของสาธารณสุขของไทย หากเรามองอีกมุมจะเห็นถึงความสำเร็จ และก่อให้เกิดพลังในการร่วมกันต่อสู้ภัยโควิด

นายธนกร กล่าวว่า ขณะนี้คนไทยได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วมากกว่า 20 ล้านโดส โดยจังหวัดกรุงเทพมหานครและภูเก็ตฉีดวัคซีนโควิด-19 ครอบคลุมประชากรมากที่สุด ร้อยละ 70 แล้ว โดยจำนวนการฉีดวัคซีนมากที่สุดเกิน 670,000 โดสต่อวัน ถือว่าประเทศไทยมีจำนวนการฉีดวัคซีนเป็นอันดับ 4 ในอาเซียน เป็นอันดับที่ 27 ของโลก อย่างไรก็ตาม ทางการแพทย์ได้คาดการณ์ว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะสูงสุดในเดือนสิงหาคมนี้ เพราะมีการตรวจเชิงรุกมากขึ้นโดยใช้ Atk โดยเฉพาะใน กทม. ซึ่งรัฐบาลได้เตรียมเพิ่มสถานพยาบาลและเพิ่มศักยภาพโรงพยาบาล ให้ทุกโรงพยาบาลรับผู้ป่วยเฉพาะสีเหลืองและสีแดง ส่วนสีเขียวขอให้รักษาตัวที่บ้านด้วยระบบ Home Isolation และศูนย์พักคอย Community Isolation ซึ่งสำหรับ Community Isolation ของ กทม. มีทั้งหมด 65 แห่ง รองรับผู้ป่วยได้ 8,625 คน อยู่ระหว่างการเพิ่มศูนย์ฯ ในต่างจังหวัดตามจุดต่างๆ ให้รองรับผู้ป่วยได้มากที่สุด และเร่งฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม 70% ของจำนวนประชากรไทยภายในสิ้นปีนี้เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ต่อไป

นายธนกร กล่าวว่า รัฐบาลเร่งขับเคลื่อนมาตรการเยียวยาต่างๆ ที่ออกมา ไม่ว่าจะเป็นการให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดจำนวนทั้งสิ้น 29 จังหวัด ทั้งกลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบประกันสังคมและไม่อยู่ในระบบประกันสังคม รวมถึงผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบถุงเงินภายใต้โครงการคนละครึ่ง โครงการเราชนะ เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในพื้นที่ต่างๆ มั่นใจว่ามาตรการด้านสาธารณสุขที่ดำเนินการควบคู่ไปกับมาตรการเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นตามลำดับ และอีกไม่นานสถานการณ์จะคลี่คลาย อย่างไรก็ตาม ตนอยากจะฝากไปถึงฝ่ายค้านด้วยว่า ขอให้เพลาๆ การเมืองลงบ้าง เอาเวลามาช่วยกันแก้ปัญหาให้กับประชาชนดีกว่า