‘ธนกร’ สวนกลับ ‘นพ.ชลน่าน’ อย่าทำตัวไร้เกียรติ ไร้จรรยาบรรณบิดเบือนข้อมูล ปั่นเฟกนิวส์โจมตีรัฐบาลทุกวันเหมือนคนในพรรคที่ไม่มีงานทำ ย้ำวัคซีนไม่ได้หายไปไหน สธ.เตรียมฉีดไฟเซอร์-แอสตร้าฯ เป็นบูสเตอร์เข็ม 3 ให้บุคลากรทางการแพทย์

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) กล่าวถึงกรณีนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ออกมาเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงข้อมูลวัคซีนเข็ม 3 ของบุคลากรทางการแพทย์ 4 แสนโดสหายไปว่า บอกตรง ๆ ตนผิดหวังกับนพ.ชลน่านอย่างที่สุด ไม่คิดว่าคนที่เป็นหมอจะกล้าบิดเบือนข้อมูล เอาข้อมูลเท็จมาโจมตีรัฐบาล ไร้ซึ่งเกียรติยศ และไร้จรรยาบรรณของแพทย์ที่สุด

ซึ่งในส่วนการของการฉีดวัคซีนบูสเตอร์เข็ม 3 ให้กับบุคลากรทางการแพทย์เกือบ 7 แสนคนนั้น ขอย้ำให้นพ.ชลน่าน ได้ยินชัด ๆ ว่าวัคซีนไม่ได้หายไปไหน ยังอยู่ครบหมด โดยกระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมวัคซีนแอสตร้าเซเนก้าจำนวนหนึ่งและไฟเซอร์ไม่ต่ำกว่า 5 แสนโดสให้กับบุคลากรทางการแพทย์ทุกคนตามรายชื่อที่แจ้งไว้ ทุกคนได้บูสเตอร์เข็ม 3 ตามความต้องการ และเรื่องนี้ทางกระทรวงสาธารณสุขก็ได้ออกมาชี้แจงอย่างชัดเจนแล้ว แต่นพ.ชลน่าน ก็ยังออกมาโจมตีรัฐบาลอย่างหน้ามืดตามัว เป็นพฤติกรรมที่ไร้คุณธรรมมาก และน่าเศร้าใจมาก ตนแปลกใจมากที่นพ.ชลน่านทำตัวอยากดังเหมือนนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่เหมือนไม่มีงานทำในพรรค เลยออกมาโจมตีรัฐบาลทุกเสาร์-อาทิตย์แบบไร้เหตุผลรองรับ เหมือนตั้งระบบไว้ เสียดายจริง ๆ

นายธนกร กล่าวอีกว่า ตนไม่เข้าใจจริง ๆ ว่า ทำไมพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านยังคงพุ่งเป้าโจมตีการทำงานของรัฐบาลในการแก้ปัญหาโควิด-19 ได้ทุกวัน ทั้งที่ทุกฝ่ายก็ทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ บุคลากรทางการแพทย์ก็ทำงานอย่างหนัก แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะเพิ่มมากขึ้น แต่ระบบการแก้ปัญหาก็เป็นระบบมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจัดหาวัคซีน การเร่งฉีดวัคซีน การเยียวยา รวมไปถึงสิ่งที่นายกได้สั่งการไปไม่ว่าจะเป็น

1.) การเร่งจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพิ่มขึ้น เพื่อรับผู้ป่วยไวรัสโควิด-19 ที่มีอาการ ให้เข้าถึงการรักษาและสถานพยาบาลให้มากและเร็วที่สุด

2.) เพิ่มขีดความสามารถโรงพยาบาลสนามที่มีอยู่ในขณะนี้ ให้สามารถรองรับผู้ป่วยสีเหลืองและสีแดงให้มากขึ้น

3.) เห็นชอบแนวทางการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน (Home Isolation - HI) และการดูแลผู้ป่วยในชุมชน (Community Isolation - CI) อย่างเป็นระบบ โดยจัดให้มีทีมแพทย์คอยติดตามอาการ ชุดเวชภัณฑ์และยาที่จำเป็นเพี่อคัดแยกผู้ป่วย ลดการแพร่เชื้อภายในครอบครัวและชุมชน สำหรับผู้ป่วยที่สามารถกักตัวที่บ้านได้ (HI) จะมีการจ่ายยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร เครื่องวัดอุณหภูมิ เครื่องวัดออกซิเจน สำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถกักตัวที่บ้านได้จะนำส่งศูนย์พักคอย หรือ (CI) ซึ่งกรุงเทพมหานครจะได้จัดตั้งศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อให้ครบทั้ง 50 เขต

4.) มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ทหารเข้ามาร่วมช่วยเหลือ สำหรับการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย รวมถึงการจัดส่งอาหารและยาให้ผู้ติดเชื้อที่รักษาตัวที่บ้านและที่ชุมชนในแต่ละวันอย่างต่อเนื่อง

5.) ให้รัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยประสานผู้ป่วยกลับไปรักษาตัวในภูมิลำเนาได้ ตามมาตรการสาธารณสุขที่กำกับการเคลื่อนย้ายทุกขั้นตอน เพี่อลดปัญหาการได้เข้ารับการรักษาในพื้นที่ กทม. ที่มีข้อจำกัดเรื่องเตียง

6.) สนับสนุนทีมปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาโควิด-19 เชิงรุก (Comprehensive Covid-19 Response Team) หรือ CCRT อย่างต่อเนื่อง โดยจะดำเนินการลงพื้นที่ทั้ง 50 เขต เพื่อตรวจคัดกรองเชิงรุกค้นหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในชุมชนให้ครอบคลุมและทั่วถึง เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเร็วที่สุด

และ 7.) ปรับปรุงระบบการรับเรื่องผ่านโทรศัพท์สายด่วนต่าง ๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ให้สามารถประสานข้อมูลร่วมกัน เพื่อนำผู้ติดเชื้อเข้าสู่ระบบการรักษาโดยเร็ว

“ความจริงตนรู้สึกเบื่อมากที่จะต้องออกมาเสมือนตอบโต้กันไปมา แต่ตนก็มีความจำเป็นที่จะต้องออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงให้พี่น้องประชาชนได้ทราบ เพราะมีการบิดเบือนข้อมูล ปั่นเฟกนิวส์กันทุกวัน ทุกนาที และท่านนายกฯ เองก็ให้ความสำคัญในเรื่องการชี้แจงข้อเท็จจริงที่ถูกบิดเบือนให้ประชาชนเข้าใจ โดยกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องออกมาชี้แจงให้ทันสถานการณ์ นาทีต่อนาทีเช่นเดียวกัน เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนไม่ให้เกิดความสับสน เข้าทางฝ่ายที่ต้องการออกมาโจมตีโดยไม่มีจิตสำนึกของความเป็นคนไทย หรือไม่มีจรรยาบรรณอย่างหมอบางคนที่หันมาเอาดีทางด้านการเมือง”


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9