ศบค.!!! ล็อกดาวน์ 10 จังหวัด มีผล 12 ก.ค. นี้ และขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉินถึง 30 ก.ย. 64

ศบค.!!! ล็อกดาวน์ 10 จังหวัด สั่งเด็ดขาด เวิร์คฟอร์มโฮม - ปิดห้างฯ - ร้านสะดวกซื้อ 2 ทุ่มถึงตี 4 ห้ามออกนอกบ้าน 3 ทุ่มถึงตี 4 ห้ามรวมกลุ่มเกิน 5 คน มีผล 12 ก.ค.นี้ ให้งดเดินทางข้ามจังหวัดตั้งแต่ 6 โมงเช้าของวันที่ 10 ก.ค. ขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉินถึง 30 ก.ย. 64

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า มติที่ประชุมศบค.เมื่อวันที่ 9 ก.ค. กำหนดมาตรการ ดังนี้

1.) จำกัดการเคลื่อนย้ายและการรวมกลุ่มบุคคลให้มากที่สุด โดยกำหนดให้ส่วนราชการ รัฐวิสากิจ และภาคเอกชน ใช้การปฏิบัติงานในลักษณะเวิร์คฟอร์มโฮมให้มากที่สุด โดยไม่กระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดินที่สำคัญ และการบริการประชาชน

โดยระบบขนส่งสาธารณะ ปิดให้บริการในห้วงเวลา 21.00 น. ถึง 03.00 น. ของวันรุ่งขึ้น

ร้านสะดวกซื้อ ตลาดโต้รุ่ง ปิดเวลา 20.00 ถึง 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น

ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ เปิดได้เฉพาะ ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ธนาคารและสถาบันการเงิน ร้านขายยาและเวชภัณฑ์ ร้านอุปกรณ์เครื่องมือสื่อสาร รวมถึงสถานที่ฉีดวัคซีน ทั้งนี้เปิดได้ถึงเวลา 20.00 น.

ร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม ห้ามบริโภคอาหารหรือสุราหรือเครื่องดื่มในร้าน โดยเปิดได้ถึงเวลา 20.00 น.

ปิดสถานที่เสี่ยงต่อการติดโรค ได้แก่ นวดเพื่อสุขภาพ สปา สถานเสริมความงาม

สวนสาธารณะ สามารถเปิดให้บริการสำหรับการออกกำลังกายได้ถึงเวลา 20.00 น.

ห้ามการรวมกลุ่มทำกิจกรรมทางสังคม ที่ไม่ใช่การปฏิบัติหน้าที่ การประกอบอาชีพ หรือกิจกรรมตามประเพณี ร่วมกันเกิน 5 คน

2.) ให้บุคคลงดการเดินทางที่ไม่จำเป็น และห้ามออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 21.00 ถึง 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น เว้นแต่มีความจำเป็นยิ่ง หรือได้รับอนุญาตเป็นรายกรณี

3.) การควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดในกลุ่มแรงงานก่อสร้างยังคงเป็นไปตามข้อกาหนดของ ศบค.ที่ได้มีประกาศ ไปแล้วก่อนหน้านี้

4.) กำกับดูแลให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันส่วนบุคคล (D-M-H-T-T-A) อย่างสูงสุด

5.) ให้หน่วยงานด้านความมั่นคง จัดตั้งจุดตรวจจุดสกัด และชุดลาดตระเวน เพื่อกำกับดูแลการปฏิบัติอย่างเข้มงวด ทั้งนี้ ผู้ใดฝ่าฝืนให้มีบทลงโทษตามแห่ง พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558

6.) ให้เริ่มดำเนินการตามข้อ 1-4 ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค. 64 เป็นต้นไป

สำหรับมาตรการด้านการแพทย์และสาธารณสุขในพื้นที่กรุงเทพฯ และจังหวัดปริมณฑล

1.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กรุงเทพฯ และจังหวัดปริมณฑล เร่งรัดให้มีการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงระบบ การตรวจหาเชื้อ อย่างเพียงพอ

2.) สธ. ร่วมกับกรุงเทพฯ และจังหวัดปริมณฑล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดระบบการแยกกักแบบการแยกกักที่บ้าน (HI : Home Isolation) และการแยกกักในชุมชน (CI : Community Isolation) รวมทั้งการใช้ยาสมุนไพร ในบัญชียาหลัก ได้แก่ ยาฟ้าทะลายโจร เป็นต้น มาเสริมเพิ่มมาตรการรักษาพยาบาลที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อทดแทนการขาดแคลนเตียงพยาบาลตามโรงพยาบาลต่าง ๆ

3.) สธ. ร่วมกับ กรุงเทพฯ และจังหวัดปริมณฑล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดการจัดตั้ง ICU สนาม และ รพ.สนาม รวมถึง รพ.สนามชุมชน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรักษาพยาบาล ให้แล้วเสร็จ โดยเร็ว และมีจำนวนมากพอ

4.) สธ. ปรับแผนการกระจายวัคซีน และเร่งการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจาตัวและ โรคเรื้อรัง ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งเร่งรัดการฉีดวัคซีนในพื้นที่การแพร่ระบาดเป็นกลุ่มก้อน (Cluster) ให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด

5.) ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน ภาคประชาชน ภาคประชาสังคม ในการป้องกันส่วนบุคคล การตรวจหาเชื้อ และการรักษาพยาบาล ให้มีประสิทธิภาพ

6.) ให้ศบศ. เร่งรัดกำหนดมาตรการเยียวยาสถานประกอบการหรือพนักงานที่ได้รับผลกระทบจากการกำหนดมาตรการในครั้งนี้ ตามความจาเป็นของแต่ละพื้นที่

การปฏิบัติในจังหวัดอื่น

1.) กระทรวงมหาดไทย ( มท.) ร่วมกับ สธ. เน้นย้ำให้ ผวจ. และนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ร่วมกันรับผิดชอบในการกำหนดมาตรการ คัดกรองและมาตรการติดตามสำหรับบุคคลที่เดินทางเข้าไปในพื้นที่ให้มีความเข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะบุคคลที่ เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (10 จังหวัด : กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม สมุทรปราการ สมุทรสาคร สงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส) ทั้งนี้ “ให้พร้อมดำเนินการตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค. 64 เวลา 06.00 น. เป็นต้นไป” โดยอาศัยอำนาจตามข้อกำหนด ฉบับที่ 25

2.) การจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม ให้เป็นไปตามพื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดตามคำสั่ง ศบค.

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้ประกาศในที่ประชุมศบค.ว่า จะไม่รับเงินเดือน 3 เดือน และ ให้นำเงินไปใช้ประโยชน์สำหรับแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 คิดเป็นจำนวนเงิน 376,770 บาท (เงินเดือนนายกฯ 75,590 บาท เงินประจำตำแหน่ง 50,000 บาท รวม 125,590 บาท x 3 เดือน)

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากนายกรัฐมนตรี ประกาศไม่รับเงินเดือน 3 เดือน บรรดาคณะรัฐมนตรี ได้ทยอยออกมาประกาศไม่รับเงินเดือน 3 เดือนด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม, นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนากยฯ และรมว.พาณิชย์ รวมถึง รมต.ในพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมด, วราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น


โปรเด็ด! ถึง 15 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9