"สิระ" ตื่นมาน้ำตาไหล เห็นข่าวคนตายจากโควิดเพิ่ม เสนอ ล็อกดาวน์สภา เหตุเป็นที่รวมคนหมู่มากในการประชุม หวั่นติดเชื้อเพิ่ม

ที่รัฐสภา นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงสถานการณ์การคนติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย ว่า ตนตื่นขึ้นมาเห็นข่าวคนไทยมีผู้ติดโควิด-19 7 พันกว่าราย เสียชีวิต 75 ราย ตนในฐานะผู้แทนราษฎรตื่นมาน้ำตาไหล เกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย ไม่ได้รับการเข้าถึงสาธารณสุขใช่หรือไม่ ถึงเวลาหรือยังที่ศบค.ต้องออกมาชี้แจงกับประชาชนว่าจะบริหารเรื่องนี้อย่างไร จะประกาศล็อกดาวน์หรือไม่ หากไม่ล็อกดาวน์มีเหตุผลอะไร จะยับยั้งความสูญเสียของประชาชนคนไทยได้อย่างไรบ้าง ขอให้คำนึงถึงความเดือดร้อนประชาชนและผลประโยชน์ของประเทศชาติ ไม่ต้องเกรงใจใคร เมื่อคืนนี้มีคนไปนอนรอตรวจโควิดที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามตั้งแต่ 21.00 น. เกิดอะไรขึ้นกับบ้านเมืองนี้ ปล่อยให้คนไทยไปนอนรอกว่าจะได้ตรวจไม่รู้กี่โมงและวันนี้จะได้ตรวจหรือไม่ สภาผู้แทนราษฎรก็ได้ผ่านพ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านบาทแล้วก็นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ 

"ผมขอเสนอให้ล็อกดาวน์สถานที่แห่งแรกควรจะเป็นที่รัฐสภา เพราะมีผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาจำนวนมาก จะเกิดเป็นคลัสเตอร์ใหญ่หรือไม่ เอาแค่ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาก็เพียงพอ ที่ผ่านมาวิป 3 ฝ่ายมีข้อสรุปแล้วว่าให้งดประชุม โดยให้ประชุมเฉพาะกมธ.งบประมาณ แต่เมื่อวานนี้ก็มีกมธ.บางคณะที่ประชุมอยู่ วันนี้ก็ยังมีอีกที่ไม่ให้ความร่วมมือ หากไม่ประชุมจะสร้างความเสียหายถึงล่มสลายหรือไม่" นายสิระ กล่าว

เมื่อถามว่าสำหรับตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเพราะโควิด-19ของวันนี้ มีอะไรอยากฝากถึงนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุขหรือไม่ นายสิระ กล่าวว่า นายอนุทินตนไม่ฝาก เพราะมีคนไปหาที่กระทรวงหลายคณะแล้ว การเป็นสภาผู้แทนราษฎรหรือผู้บริหารต้องฟังเสียงประชาชน และนำข้อมูลทั้งหมดมาประมวลและตัดสินใจบริหารประเทศ

เมื่อถามว่าล็อกดาวน์ที่สภาหมายความว่าอย่างไร นายสิระ กล่าวว่า หากไม่มีญัตติที่สำคัญและหากเว้นการประชุมไปสัก 2-3 สัปดาห์แล้วไม่ทำให้บ้านเมืองเสียหาย ก็เลื่อนประชุม แต่กมธ.งบประมาณมีเวลาจำกัดอยู่แล้วก็ให้ประชุมเฉพาะกมธ.งบ65 ก็เพียงพอ 

เมื่อถามถึงกรณีที่มีความเห็นให้ส.ส.-ส.ว.สละเงินเดือนส่วนหนึ่งเพื่อช่วยเหลือประชาชน นายสิระ กล่าวว่า ตนเห็นด้วย และกำลังให้ฝ่ายกฎหมายดูอยู่ว่าผิดกฎหมายหรือไม่ ทั้งนี้ ตนกับเพื่อนๆ ได้รวบรวมเงินก้อนหนึ่งโดยจะไปติดต่อบริษัทที่นำเข้าวัคซีนเพื่อขอซื้อวัคซีนทางเลือกเหมือนที่โรงพยาบาลเอกชนนำเข้า ซึ่งจะนำมาฉีดให้ประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อให้สามารถเข้าถึงวัคซีนได้เร็วที่สุด