ศบค.ชุดเล็ก-กทม. จ่อ เปิดศูนย์วอล์คอินแล็ป ที่อาคารนิมิบุตร รับตรวจหาเชื้อโควิด-19 สั่ง ตจว. ที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่ง เฝ้าระวังเข้ม โดยให้คิดว่าสายพันธุ์เดลต้าเข้าพื้นที่นั้นแล้ว

ที่ศบค.ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ตอบข้อซักถามถึงกรณีที่ ยังมีประชาชนที่ร้องเรียนจำนวนมากเนื่องจากไม่สามารถหาที่ตรวจเชื้อ โควิด-19 ได้ เพราะไปโรงพยาบาลแล้วไม่รับตรวจ ศบค. จะปรับแผนอย่างไรเพื่อให้ประชาชนได้รับการตรวจหาเขื้อ ว่า การตรวจทางห้องปฏิบัติการมีประชาชนจำนวนมากที่มีความสงสัยว่าตัวเองจะติดเชื้อหรือไม่จึงต้องการเข้ารับการตรวจ แต่ก็ได้เห็นจากข่าวว่าหลายคนไปถึงโรงพยาบาลแล้วได้รับการปฏิเสธ ซึ่งในความจริงรัฐบาลไม่ได้ห้ามการตรวจหาเชื้อ ที่ประชุมพูดย้ำเสมอ และมีการทบทวนว่าแต่ละแล็ปนั้น จะต้องเป็นห้องปฏิบัติการที่มีมาตรฐาน ซึ่งหลายห้องปฎิบัติการทำได้มาตรฐานและแม่นยำ 

ดังนั้น เมื่อผู้ป่วยได้รับการตรวจยืนยันผลเป็นบวก แล้วไปที่การจัดการเตรียมเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการจัดหาเตียงได้ทันทีเพราะผลแล็ปที่ถือมานั้นถูกต้อง แต่ก็จะได้ยินกันบ่อยว่ามีลักษณะการตรวจที่เรียกว่า แรพิดเทสต์ ซึ่งบางทีผู้ป่วยถือผลแล็ปไปโรงพยาบาลจัดเตียงให้ไม่ได้ ต้องให้ไปตรวจซ้ำใหม่เพราะถือว่า แรพิดเทสต์นั้น ยังมีข้อจำกัดในการยืนยันการติดเชื้อ บางแห่งเป็นการตรวจแบบเจาะเลือดปลายนิ้วมือ หากเป็นผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง มีเชื้อปริมาณมากการตรวจแบบแรพิดเทสต์สามารถตรวจจับได้จริงว่าเป็นผลบวก แต่ก็พบว่าความไวของการตรวจแบบแรพิดเทสต์นั้นค่อนข้างต่ำ 

หมายความว่าบางทีผลออกมาลบแต่คนๆนั้นอาจเป็นผู้ติดเชื้อ แต่การตรวจแบบแรพิดเทสต์ งั้นตรวจไม่เจอ ซึ่งกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้บอกไว้ว่า สามารถใช้ในกรณีฉุกเฉิน เช่น ผู้ป่วย ฉุกเฉินจะต้องผ่าตัดเร่งด่วนหลายโรงพยาบาลก็ใช้การตรวจแบบแรพิดเทสต์เหมือนกัน หรือ กรณีคนที่มีอาการหรือมีเชื้อจำนวนมากตรวจแล้วเจอแน่ แรพิดเทสต์ ก็จะรายงานผลได้แม่นยำ แต่ยังมีความ เป็นห่วงว่าการที่ไม่อนุญาตให้บางแล็ปตรวจนั้น เป็นเพราะเริ่มมาตรฐานของการตรวจมากกว่า

ทุกโรงพยาบาลตอนนี้มีการรับตรวจแต่จะเน้นไปยังสองกลุ่มหลัก คือ ทุกโรงพยาบาลตรวจเป็นมาตรฐานในกลุ่มที่เตรียมการผ่าตัด การคลอดลูก ทำฟัน หรือจำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล เข้าห้องไอซียู แต่ละโรงพยาบาลมีมาตรฐานที่จะต้องตรวจกลุ่มนี้อยู่แล้ว

กลุ่มที่สองคือให้ความสำคัญกับกลุ่มที่ถือได้ว่ามีประวัติเสี่ยงสูง เดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง เช่น มีประวัติว่าสามีติดเชื้อเดินเข้าไปในโรงพยาบาลแล้วแจ้งประวัติกับบุคลากรทางการแพทย์ เขา ก็จะรับตรวจเพราะมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นผู้ติดเชื้อ ซึ่งการตรวจของโรงพยาบาลในสองกลุ่มนี้ตัวเลขอยู่ที่ 300-400 รายต่อวัน ถือว่าเป็นภาระหน้างานเหมือนกัน ดังนั้น ถ้าคนที่วอล์คอินเข้าไปขอตรวจโดยไม่ได้มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องผ่าตัดหรือไม่ได้มีประวัติเสี่ยงสูงใด ๆ บางครั้งโรงพยาบาลก็อาจจะบอกว่าขอให้สิทธิคิวกับผู้ที่มีความจำเป็นจะต้องตรวจก่อน 

ที่ประชุมศบค.เล็กได้หารือกันว่าการที่กรุงเทพมหานครลงตรวจจะมีสองส่วนด้วยกันคือถ้าผู้ป่วยวอล์คอินเดินเข้ามาด้วยประวัติสัมผัสเสียงสูงกับผู้ติดเชื้อที่ยืนยันก่อนหน้านี้ พบว่าในจำนวนตรวจ 100 คน มี 90 คนเป็นผลบวก ถือว่าแม่นยำ 90% ขณะที่อีกส่วนหนึ่งทางกรุงเทพมหานครรายงานว่ามีการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนที่ตลาด โรงงาน เมื่อไปตั้งจุดตรวจตาม6กลุ่มเขต พบว่าอัตราการตรวจจับการระบาดในระบบเฝ้าระวัง พบผู้ติดเชื้อเพียง 10% ดังนั้นกรุงเทพมหานครจึงจะมีการปรับระบบการตรวจ คือเน้นย้ำไปในการค้นหาสองส่วนคือส่วนการระบาด และตรวจตามไทม์ไลน์ผู้ติดเชื้อ เพื่อติดตามไปว่าอยู่ครอบครัวกับใครบ้าง ทำงานสัมผัสเสียงใกล้ชิดกับใครบ้าง แต่ประชาชนที่ไม่เข้าข่าย คือไม่ได้เป็นผู้สัมผัสเสียงสูง ไม่ได้อยู่ในพื้นที่เสี่ยง ไม่ได้ออกจากบ้านไปไหน แต่ต้องการตรวจเอง ในที่ประชุมได้มีการหารือเรื่องนี้เหมือนกันว่าในระยะอันใกล้นี้จะเปิดศูนย์วอล์คอินแล็ป ที่อาคารนิมิบุตร เพื่อให้ไปตรวจได้ หากตรวจพบมีผลติดเชื้อก็จะมีการจัดการพิจารณาเป็นผู้ป่วยสีเขียว สีเหลือง ก็จัดสรรไปยังศูนย์พักคอย 17 จุดของ กทม. และยังจะมีเพิ่มขึ้นอีก ส่วนสีแดง ก็หาเตียงรักษาในโรงพยาบาลต่อไป จึงขอให้ติดตามข้อมูลในระยะนี้ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องการตรวจหาเชื้อ และการจัดการเตียง หรือการแยกกักที่บ้านมาให้ติดตาม

ขอเน้นย้ำไปยังจังหวัดปลายทาง เพราะขณะนี้มีรายงานทุกวันว่าต่างจังหวัดมีการเพิ่มจำนวนผู้ติดเชื้อมากขึ้น และในวันเดียวกันนี้ยังสะท้อนให้เห็นว่ากรุงเทพมหานครมีผู้ติดเชื้อเป็นสายพันธุ์เดลต้า จึงมีความเป็นไปได้ว่าแต่ละพื้นที่เหล่านั้นมีเดลต้าเข้าไปแล้ว ดังนั้น จึงขอความร่วมมือไปยังทีมสาธารณสุข มหาดไทย ในพื้นที่จังหวัดให้มีการเตรียมทีม และเตรียมพื้นที่รองรับ เตรียมเตียงรับ ดูแลผู้ป่วยเหล่านี้ให้เหมาะสมรวมทั้งทีมสอบสวนโรค ถ้าเจอหนึ่งคนจะต้องรีบตามไปว่าใครเป็นผู้ที่สัมผัสเสียงสูง และให้ประชาสัมพันธ์ต่อชุมชนนั้นเฝ้าระวังว่าขณะนี้มีบุคคลพื้นที่เสี่ยงเดินทางเข้ามาในพื้นที่พี่น้องประชาชนในละแวกนั้นจะต้องช่วยกันเฝ้าระวังและพยายามที่จะเน้นย้ำมาตรการดูแลตนเอง เพื่อดูแลไปยังบุคลากรทางการแพทย์ด้วย