นายกฯ สั่งเพิ่ม ชุดอุปกรณ์ตรวจหาเชื้อ-เพิ่มศักยภาพ ตรวจเชิงรุก คัดกรองในชุมชน ให้ได้มากที่สุด เพื่อตัดวงจรแพร่เชื้อโควิด-19

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมในฐานะผอ.ศบค. มีข้อสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลการจัดหาและกระจายเวชภัณฑ์และยารักษาโรคโควิด-19 ให้เพียงพอนั้น นายกรัฐมนตรีได้มีข้อกำชับเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเพียงพอของชุดอุปกรณ์การตรวจหาเชื้อโควิด-19 ตลอดจนการเพิ่มศักยภาพการตรวจคัดกรองให้ได้มากที่สุดด้วย

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้รับรายงานข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง เกี่ยวกับการเร่งตรวจคัดกรองประชาชน ทั้งในผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงในระบบการเฝ้าระวัง การลงพื้นที่เพื่อตรวจเชิงรุกในชุมชน ในทัณฑสถาน ตลอดจนในสถานที่กักตัวที่รัฐรับรอง ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญที่จะทำให้พบผู้ติดเชื้อมากขึ้นเพื่อตัดวงจรการแพร่ระบาดให้ได้มากที่สุด ซึ่งทราบว่าหน่วยให้บริการต่างๆได้ทำงานเต็มที่ ทั้งในโรงพยายาบาลและลงพื้นที่ตรวจเชิงรุก

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ในส่วนของโรงพยาบาลเอง อาจจะมีบางช่วงที่พบว่ามีการหยุดตรวจคัดกรองบ้างเนื่องจากต้องบริหารจัดการให้สอดคล้องกับจำนวนเตียงผู้ป่วย แต่ขณะนี้รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้เร่งดำเนินการขยายเตียงรองรับผู้ป่วยในส่วนต่างๆ ให้เพียงพอ ทั้งในส่วนของโรงพยาบาลของรัฐและเอกชน โรงพยาบาลบุษราคัม ที่เมืองทองธานี ห้องไอซียูสนามที่ มทบ.11 โรงพยาบาลสนาม และ Hospitel  ก็จะมีส่วนสำคัญในการเพิ่มศักยภาพการตรวจคัดกรองผู้ป่วยให้ได้มากขึ้นด้วย

“นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยประชาชนและติดตามเพื่อสั่งการการให้การสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ในทุกด้าน ซึ่งในส่วนของการตรวจคัดกรองหาเชื้อนายกรัฐมนตรีขอให้หน่วยบริการทั้งในโรงพยาบาลและการลงพื้นที่ตรวจเชิงรุกในชุมชุนดำเนินการให้เต็มที่และหากสามารถขยายศักยภาพการตรวจได้ภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยทางสาธารณสุขได้ก็ให้เร่งดำเนินการทันที” น.ส.ไตรศุลี กล่าว