'ทิพานัน' ยัน 'บิ๊กตู่' กู้มาแก้ปัญหาตรงจุด ครอบคลุมทุกมิติ ย้อนแสบทีมเศรษฐกิจเพื่อไทย ไม่ละอายแก่ใจ สมัย 'ยิ่งลักษณ์' ไร้วิกฤตใด ๆ ยังสร้างหนี้ล้น ทั้ง 'จำนำข้าว-เอื้ออาทร' เสียหายเกินล้านล้านบาท ทิ้งภาระให้ลูกหลานตามใช้หนี้อีก 12 ปี

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณี น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวหาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี บริหารประเทศ 7 ปี ดีแต่กู้ หากไม่เปลี่ยนผู้นำประเทศลงเหวว่า...

การแสดงความเห็นของ น.ส.ตรีชฎา สะท้อนมาตรฐานของทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยที่ค่อนข้างตกต่ำ ด้วยเป็นการวิจารณ์โดยไม่มีฐานข้อมูลรองรับที่ถูกต้องนั่งเทียนด้วยอคติ ด้วยในความเป็นจริงในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกประสบปัญหาเศรษฐกิจ แต่ประเทศไทยกลับยังรักษาอันดับความน่าเชื่อถือไว้ได้

โดยจากการจัดอันดับเครดิตขององค์กรชั้นนำระดับโลก ทั้ง S&P Moody's และ Fitch ได้มีเกณฑ์ในการพิจารณาจากเงินสำรองระหว่างประเทศที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงเสถียรภาพทางการคลังและวินัยทางการคลัง

ส่วนเหตุผลที่ต้องกู้เงินนั้น ก็เพื่อใช้เป็นงบประมาณค่าใช้จ่ายสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข มาตรการช่วยเหลือเยียวยาต่าง ๆ จากผลกระทบโควิด-19 และฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ครอบคลุมทุกกลุ่ม โดยเฉพาะโครงการคนละครึ่ง, เราชนะ, ม.33เรารักกัน, บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ, เกษตรกร เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนฐานราก ผู้มีรายได้น้อยและผู้ประกอบการรายย่อย

มาตรการพักหนี้ที่ออกมาช่วยเหลือลูกหนี้ธุรกิจรายย่อย เพิ่มช่องทางให้ประชาชนที่ไม่มีสินทรัพย์และรายได้ที่มั่นคงต้องการเข้าถึงเงินกู้ ลดการกู้หนี้นอกระบบ และแก้ปัญหาภาระดอกเบี้ยจากการผิดนัดชำระ การจ่ายสิทธิประโยชน์กรณีว่างงาน

นอกจากนี้ ยังลดค่าน้ำ-ค่าไฟด้วย รวมทั้งยังใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ขับเคลื่อนการส่งออก การท่องเที่ยว และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ไปพร้อมๆกัน ซึ่งจะเห็นได้ว่าใช้จ่ายเงินกู้นั้นตรงจุดและครอบคลุมปัญหาในทุกมิติ ไม่ได้ไร้ทิศทางอย่างที่ น.ส.ตรีชฎา พยายามบิดเบือนให้ร้าย

น.ส.ทิพานัน กล่าวอีกว่า เมื่อต้องเผชิญการแพร่ระบาดในระลอกที่ 3 รัฐบาลจำเป็นต้องกู้เพิ่มเติมอีก 7 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าเพดานที่ภาคเอกชนเรียกร้องให้กู้ถึง 1 ล้านล้านบาท โดยนำมาใช้แก้ปัญหาการระบาดระลอกใหม่ให้กับสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยเหลือเยียวยาและชดเชยให้กับประชาชน และผู้ประกอบการ รวมทั้งฟื้นฟูเศรษฐกิจ

แต่สิ่งที่ น.ส.ตรีชฎา หลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงก็คือ ความแตกต่างกันระหว่างการกู้เพื่อแก้วิกฤตกับการกู้เพื่อโครงการทุจริต ภาระหนี้ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทิ้งเอาไว้จากการขาดทุนโครงการจำนำข้าวที่ทำให้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ต้องมีภาระชดใช้หนี้ให้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมากว่า 7 แสนล้านบาท และยังต้องตั้งบประมาณชดใช้ไปอีก 12 ปี รวมแล้วกว่า 1 ล้านล้านบาท ไม่รวมกับภาระหนี้จากโครงการบ้านเอื้ออาทรกว่า 2 หมื่นล้านบาท ไม่รวมหนี้เน่าและความเสียหายจากโครงการที่สร้างแล้วขายไม่ได้หลายหมื่นยูนิต รวมถึงภาระค่าบำรุงรักษาซ่อมแซมซึ่งก็กลายมาเป็นภาระของรัฐบาลนี้ทั้งสิ้น ทั้งที่เป็นการบริหารในสถานการณ์ที่ปกติ ไม่ได้เผชิญกับสถานการณ์วิกฤตไวรัสโควิด-19 หรือวิกฤตใด ๆ

“ไม่รู้ว่า น.ส.ตรีชฎากล้ายกเอาการบริหารในยุคของน.ส.ยิ่งลักษณ์ มาบลัฟ พล.อ.ประยุทธ์ได้อย่างไร โดยไม่ละอายแก่ใจ เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์บริหารประเทศในสถานการณ์ปกติ ไม่มีวิกฤตใด ๆ แต่กลับสร้างหนี้ไว้มากมายตกเป็นภาระคนไทยทั้งชาติตามใช้หนี้เกือบ 20 ปี ซึ่งที่ผ่านมาทุกคนรู้ดีโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยว่านโยบายต่าง ๆ นั้น อยู่ภายใต้สโลแกน ทักษิณคิด ยิ่งลักษณ์ทำ ดังนั้นที่ น.ส.ตรีชฎาแนะนำให้เอาวิธีคิดของนายทักษิณมาเป็นแนวทางให้รัฐบาลปฏิบัตินั้น เมื่อดูตัวอย่างผลงานสร้างหนี้ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์แล้ว ก็คงไม่มีใครเดินตาม เพราะไม่น่าจะเป็นผลดีต่อประเทศชาติ” น.ส.ทิพานัน กล่าว


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32