คุณตั๋น ธนันพัชญ์ รัตนโชติจิรสิน | THE STUDY TIMES STORY EP.12
บทสัมภาษณ์ คุณตั๋น ธนันพัชญ์ รัตนโชติจิรสิน ผู้จัดการด้าน Customer Services บริษัทไอที, ออสเตรเลีย
ปริญญาโทการตลาด Macquarie University, ซิดนีย์, ออสเตรเลีย
กล้าที่จะก้าวออกจาก Comfort Zone เข้าทำงานบริษัทไอทีประเทศออสเตรเลียมากกว่า 10 ปี
ปัจจุบันคุณตั๋นกลับมาทำงานที่เมืองไทยในบริษัทเดิม สายงานเดิมกับที่ทำในประเทศออสเตรเลีย คือ Operations Customer Service เป็นบริษัทเกี่ยวกับไอที
คุณตั๋นเติบโตและเรียนในโรงเรียนไทยมาโดยตลอด กระทั่งจบปริญญาตรี ศิลปศาสตร์ เอกภาษาฝรั่งเศส ม.ธรรมศาสตร์ จึงเลือกไปเรียนต่อออสเตรเลีย ซึ่งตอนแรกตั้งใจว่าจะไปเรียนแค่ภาษา แต่พบว่าออสเตรเลียมีสาขาที่น่าสนใจในการเรียนต่อ ในด้านเกี่ยวกับธุรกิจ จึงเลือกเรียนต่อปริญญาโทใน Master of commerce in Business , Macquarie Uni, Sydney Australia เป็นระยะเวลา 2 ปี
คุณตั๋นเล่าว่า สิ่งที่ทำให้เบนเข็มเลือกเรียนต่อออสเตรเลีย จากตอนแรกที่ตั้งใจว่าจะไปเรียนต่อที่อเมริกานั้น เป็นเพราะสภาพสังคม เพื่อน และความเฟรนด์ลี่ของคนที่ออสเตรเลีย โชคดีที่เจอเพื่อนที่ดี พื้นฐานของคนออสเตรเลียเป็นคนใจดี รีแล็กซ์
การเป็นนักเรียน International Student ที่ออสเตรเลียนั้น คุณตั๋นเล่าว่า ต้องทำเกรดเฉลี่ยให้ได้ 3 ขึ้นไป จึงจะมีโอกาสได้ฝึกงาน โดยคนที่จะขอฝึกงานได้จะต้องมีสกิลด้านภาษาที่สามารถนำไปใช้งานในสายงานที่จะไปขอฝึกได้ เพราะเป็นการลงทำงานจริง ซึ่งการฝึกงานนี้เป็นการต่อยอดให้ไปเริ่มทำงานจริง
ในช่วงที่เรียนอยู่คุณตั๋นก็มีการทำงานเสริมควบคู่ไปด้วย ซึ่งจะทำในเย็นวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เพราะวันจันทร์ถึงพฤหัสจะให้เวลากับเรื่องเรียนเป็นหลัก โดยงานที่เริ่มทำช่วงแรกคือ ร้านอาหารไทย ทำทั้งเสิร์ฟ งานในครัว ล้างจาน หุงข้าว เรียกว่าทำมาหมดแล้ว ซึ่งตอนนั้นยังพูดภาษาอังกฤษไม่คล่อง
หลังเรียนจบแล้วคุณตั๋นตัดสินใจทำงานอยู่ที่ออสเตรเลีย โดยคุณตั๋นเล่าว่า เป็นความโชคดีที่ในตอนนั้นมีวีซ่าสำหรับคนที่เรียนจบมา เพื่อยื่นขออยู่ทำงานต่อ 18 เดือน เมื่อได้วีซ่าดังกล่าว หลังฝึกงานจบแล้วคุณตั๋นมีความคิดว่าอยากได้ประสบการณ์ต่อ เริ่มชอบและมีความสุขกับการอยู่ออสเตรเลีย จึงทำงานต่อมา 18 เดือน กระทั่งสุดท้ายอยู่ที่ออสเตรเลียยาวนานถึง 17 ปี
เสน่ห์ของออสเตรเลียที่ทำให้คุณตั๋นติดใจมากจากหลาย ๆ องค์ประกอบรวมกัน ตั้งแต่สภาพภูมิประเทศ อากาศ ผู้คน วัฒนธรรม ความหลากหลายทางเชื้อชาติ ที่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน บนพื้นฐานการเคารพซึ่งกันและกัน อีกสิ่งหนึ่งคือเรื่องของงาน เพราะยังเอ็นจอยกับงานที่ทำและได้พัฒนาสกิล ได้ลองอะไรใหม่ ๆ
การทำงานตำแหน่งแรกหลังฝึกงานจบ คุณตั๋นทำในบริษัทไอที เกี่ยวข้องกับที่ทำในปัจจุบัน เพราะในตอนนั้นบริษัทกำลังหาคนที่เป็น Thai support สามารถพูดได้สองภาษา เพราะต้องดูแลลูกค้าไทย จึงไปสมัคร เมื่อทำงานได้ 7-8 เดือน บริษัทมาแจ้งว่าจะยุบศูนย์ที่ซิดนีย์ โดยจะย้ายศูนย์ไปอยู่ที่ประเทศจีน จากนั้นมาได้งานที่สอง ก็ยังอยู่ในสายงานเดิม เป็นบริษัทที่เคยซัพพอร์ตสมัยอยู่บริษัทที่หนึ่ง ซึ่งยังอยู่ในวีซ่า 18 เดือน ทำมาอย่างเต็มที่ได้หนึ่งปีตัดสินใจเดินไปบอกหัวหน้าว่า อีกไม่กี่เดือนวีซ่าจะหมด แต่อยากอยู่ต่อ แฮปปี้กับออสเตรเลีย มีวิธีไหนที่บริษัทจะช่วยสนับสนุน บริษัทจึงได้ทำ Work Permit ให้
หลังจากกลับมาทำงานที่ไทยแล้ว คุณตั๋นเปรียบเทีบความแตกต่างของการทำงานไว้ว่า มีความต่างในเรื่องของการการจัดการเวลา ที่ออสเตรเลียจะพูดเสมอว่าต้องมี work-life balance คนที่นั่นจะมาก่อนเวลา และเมื่อถึงเวลาก็จะเริ่มทำงานทันที ทุกคนรู้หน้าที่ตัวเอง การตรงต่อเวลาเป็นสิ่งที่จำเป็นมากในการทำงานกับต่างชาติ อีกเรื่องที่สำคัญมากคือเรื่องเวลาวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ถ้าไม่จำเป็นห้ามโทรหา เพราะจะถือว่าไม่เคารพ และมีการแยกส่วนแพลตฟอร์มการติดต่อเรื่องงานและส่วนตัวไว้ชัดเจน
ในสังคมออสเตรเลียต่อ LGBT คุณตั๋นเล่าว่า ที่รู้สึกคือสังคมที่นั่นไม่ได้มองคนที่เพศสภาพ แต่มองว่าบุคคลคนนั้นคือบุคคลคนนั้น มีความสามารถด้านไหน มีปฏิสัมพันธ์กันในฐานะอะไร อีกทั้งออสเตรเลียเป็นประเทศที่ผู้หญิงผู้ชายชายค่อนข้างเท่าเทียมกัน
วัฒนธรรมการทำงานร่วมกับคนต่างชาติ สิ่งที่ไม่ควรทำ คุณตั๋นแนะนำว่า เป็นเรื่องของ equality ในที่ทำงาน เราจะไม่พูดถึงเรื่องเพศ อายุ สถานะ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ต้องระวังอย่างมากในการทำงาน
สุดท้ายคุณตั๋นฝากเป็นกำลังใจสำหรับคนที่อยากไปเรียนต่อหรือไปทำงานต่อที่ต่างประเทศ ไว้ว่า หนึ่งในสิ่งที่คุณตั๋นสังเกตและเห็นจากเพื่อนรอบตัว คือ เพื่อน ๆ คนไทยชอบดูถูกตัวเอง ชอบคิดว่าตัวเองไม่มีความสามารถ ไม่เก่งภาษาอังกฤษ เลิกดูถูกตัวเอง มองก่อนว่าตัวเองมีความสามารถอะไร เราทำอะไรได้ดี กล้าที่จะลองผิดลองถูก ส่วนใหญ่คนไทยชอบอยู่ใน Comfort Zone ของตัวเอง ทำงานในที่ที่คิดว่าตัวเองถนัดและปลอดภัย ไม่ได้พัฒนาตัวเอง ทั้งหมดมาจากความกลัว อยากจะบอกทุกคนว่า ออกจาก Comfort Zone บางทีการเครียดบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แต่มันทำให้เราพัฒนาตัวเอง
.
.