รับมืออย่างไรเมื่อไม่มีเขา...แต่เราต้องไปต่อ

เมื่อไม่นานมานี้ในระหว่างที่ผู้เขียน ไถฟีดเฟซบุ๊กตัวเองไปเรื่อย ๆ ก็ได้ไปเจอกับภาพ ๆ นึงที่ชวนให้หวนคิดถึงเพื่อนรักที่จากไป ซึ่งภาพที่เห็นก็มาจากรายการ Cooking with Dog รายการทำอาหารที่ไม่ได้สอนแค่ทำอาหารแต่ยังแสดงให้เห็นถึงมิตรภาพของหญิงวัยกลางคนที่ใครก็รู้จักเธอในหน้าที่ ‘เชฟ’ กับคู่หูคู่ใจอย่าง ‘เจ้าฟรานซิส’ สุนัขพุดเดิ้ลที่คอยอยู่เคียงข้างตลอดการดำเนินรายการ

ด้วยความน่ารักและมิตรภาพของทั้งคู่ทำให้รายการดำเนินมายาวนานหลายปีและสุดท้ายก็ถึงเวลายุติการทำหน้าที่ของพิธีกรคู่หูคนสำคัญอย่าง ‘เจ้าฟรานซิส’ เมื่อเขาได้จากไปในวัย 14 ปี 9 เดือน แต่ภาพที่ชวนสะเทือนใจยิ่งกว่าคือภาพของ ห้องครัวห้องเดิม ผู้หญิงวัยกลางคนคนเดิม แต่สิ่งที่เข้ามาแทนที่ฟรานซิส กลายเป็นตุ๊กตาตัวแทนของฟรานซิสแทน แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำหน้าที่ต่อไปแต่รายการก็ยังคงต้องดำเนินต่อ ‘เพราะวันนึงที่ไม่มีเขาแล้ว เราก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป’

นี่แหละค่ะ จุดเริ่มต้นของการหวนคิดถึงเพื่อนรักในวัยเยาว์ และช่วงเวลาของการอยู่ต่อไปโดยไม่มีเขา ต้องบอกก่อนว่าผู้เขียนไม่ใช่กูรูในการจัดการบริหารความรู้สึก แต่เพียงแค่อยากแชร์ในมุมมองของผู้ที่ผ่านจุด ‘ไม่มีเขาแต่เราต้องไปต่อ’ ก็เพียงเท่านั้น

เชื่อว่าหลาย ๆ ท่าน คงเคยสัมผัสบรรยากาศการพบปะและลาจากใช่ไหมคะ แน่นอนค่ะ สัตว์เลี้ยงแสนรักก็เช่นเดียวกัน พวกเขาไม่อายุยืนเท่าเรา แต่ช่วงชีวิตอันสั้นของพวกเขาสร้างความสุขให้กับเราได้ไม่น้อย แต่ในวันที่เขาจากไป ดูเหมือนเขาจะพรากเอาความสุขนั้นไปด้วย แล้วเราจะจัดการอย่างไรล่ะเมื่อความสุขของเราหายไปกับเขา และเหลือเพียงแต่ความหม่นหมองในวันที่ไม่มีเขาอยู่?

แน่นอนว่ากลไกการรับมือของแต่ละคนคงต่างกัน แต่ที่แน่ ๆ สิ่งที่ทุกคนต้องพยายามเผชิญและผ่านมันไปให้ได้คือ ‘การยอมรับ’ ซึ่งยอมรับในที่นี้นอกจากยอมรับว่าสัตว์เลี้ยงแสนรักของเราได้จากไปแบบไม่มีวันกลับแล้ว การยอมรับอีกอย่างที่สำคัญคือ ยอมรับเสียเถอะว่าเราเสียใจ การฟูมฟายในบางครั้งก็ระบายความเจ็บปวดได้ดีกว่าการเก็บเอาไว้ภายใน

บางครั้งการจัดการกับความรู้สึกด้วยตัวเองอาจไม่ดีเท่ากับมีใครรับฟังเรา ดังนั้น ‘การระบายกับใครสักคน’ ก็เป็นเรื่องที่ดีและไม่ได้น่าอาย เพราะการที่ได้พูดออกไปดีกว่าเก็บไว้คนเดียว ไม่แน่ว่าสิ่งที่ได้รับกลับมานอกจากได้ระบายแล้วคุณอาจได้กำลังใจหรือมุมมองใหม่ ๆ ในการรับมือกับการจากไปของสัตว์เลี้ยงแสนรักของคุณก็ได้

เช่นเดียวกับทุก ๆ เรื่อง เราต้องรู้จักให้เวลา เช่นเดียวกับการรับมือในการจากไปเช่นกัน หลาย ๆ คนคงคุ้นหูกับประโยคที่ว่า ‘เวลาจะเยียวยาทุกสิ่ง’ ซึ่งก็เยียวยาได้จริง ๆ อย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อวันเวลาผ่านไปความทุกข์ที่มีจะคลายลงตามเวลา และภาพที่ยังคงอยู่คือเวลาดี ๆ ที่เรามีกับสัตว์เลี้ยงแสนรัก การใช้เวลาในการเยียวยาของแต่ละคนไม่เท่ากันแต่แน่นอนว่าเราจะสามารถผ่านไปได้อย่างแน่นอน

วิธีรับมือกับการจากไปของสัตว์เลี้ยงแสนรักที่ผู้เขียน บรรยายยาวเหยีดมาจนถึงตอนนี้ ล้วนเป็นบทเรียนจากเพื่อนรักสี่ขาของผู้เขียนที่มอบให้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจากกัน และทำให้เรียนรู้ว่าสิ่งเหล่านี้นี่แหละ ที่ทำให้เราก้าวเดินต่อไปได้ แม้ในวันนี้จะไม่มีเขาอยู่แล้วก็ตาม

การเยียวยาตัวเองต่อการจากไปคงไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว และอาจเป็นสูตรเฉพาะของแต่ละบุคคล แต่ผู้เขียนก็เชื่อว่าสิ่งที่ผู้เขียนได้บรรยายมาข้างต้นอาจช่วยให้เราจัดการกับความรู้สึกของตนเองได้ง่ายขึ้น เพราะแม้ว่าในวันที่ไม่มีสัตว์เลี้ยงแสนรักของเราอยู่ข้างกายเหมือนเดิม แต่ชีวิตคนเราก็ยังต้องไปต่ออยู่ดี เหมือนอย่างที่ ‘เชฟ’ ก็ยังคงต้องทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปแม้จะไม่มี ‘ฟรานซิส’ เพื่อนคู่ใจเหมือนเคยก็ตาม