รมว.ศึกษาฯ สักการะสิ่งศักสิทธิ์ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ เตรียมผลักดัน 4 วาระเร่งด่วน เสนอรูปแบบการทำงานแบบ TRUST ต่อยอดจาก MOE ONE TEAM

29 มี.ค. เวลา 08:09 น.นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เข้ารับตําแหน่งอย่างเป็นทางการ ณ กระทรวงศึกษาธิการ โดยได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์พระพุทธรูปประจํากระทรวง พระพุทธบารมีศักดิ์สิทธิ์สยามิศรจักรี สัฏฐีอนุสรณ์ ศึกษาทรรังสรรค์ ศาลพระภูมิ และพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่ ๖) จากนั้นพบปะและมอบนโยบายผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ ณ ห้องประชุมราชวัลลภอาคารราชวัลลภ 

เพื่อเป็นการตระหนักถึงความสําคัญของยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์โดยเฉพาะแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติประเด็นการพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพมนุษย์การพัฒนาเด็กตั้งแต่ช่วงตั้งครรภ์จนถึงปฐมวัย การพัฒนาช่วงวัยเรียน / วัยรุ่น การพัฒนาและยกระดับศักยภาพวัยแรงงาน รวมถึงการส่งเสริมศักยภาพวัยผู้สูงอายุ ประเด็นการพัฒนาการเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 และพหุปัญญาของมนุษย์ที่หลากหลาย และประเด็นอื่นที่เกี่ยวข้อง 

โอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้นําเสนอ 4 วาระเร่งด่วนของกระทรวงศึกษาธิการ ได้แก่

1.) การผลักดันโรงเรียนคุณภาพของชุมชนและการพัฒนาเด็กปฐมวัย เป็นการสานต่อนโยบายเดิมของกระทรวงฯ ที่ต้องการขับเคลื่อนให้แต่ละชุมชนได้มีโรงเรียนที่มีคุณภาพอย่างน้อย 1 โรงเรียนขึ้นไป ซึ่งจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำของโอกาสในการศึกษา ทําให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงโรงเรียนที่ดีใกล้บ้านของตนได้ ทั้งนี้ จะดําเนินการให้มีความพร้อมทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการส่งเสริมการศึกษา ตลอดจนด้านการสร้างเครือข่ายและการมีส่วนร่วม โดยทั้งสามด้านดังกล่าวมีประเด็นที่ต้องให้ความสําคัญเป็นอันดับแรก คือ “สวัสดิการครู” เพื่อเป็นการบํารุงขวัญกําลังใจของครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้ปฏิบัติงาน 

สําหรับการพัฒนาเด็กปฐมวัยนั้น ขณะนี้เรามีพระราชบัญญัติการพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ. 2562 ซึ่งโดยหลักการสอดคล้องกับร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. .... ที่อยู่ในระหว่างการดําเนินการและคาดว่าจะประกาศใช้เร็ว ๆ นี้ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ ทั้งนี้ตนได้ศึกษาเรื่องดังกล่าวมาอย่างดี โดยเชื่อว่า การพัฒนาเด็กปฐมวัยให้มีคุณภาพนั้นเป็นพื้นฐานที่สําคัญที่สุดต่อพัฒนาการของเด็กในช่วงวัยต่อมาจึงพร้อมที่จะดําเนินการต่าง ๆ ให้สอดรับกับกฎหมายแม่บทต่อไปอย่างแน่นอน

2.) ความปลอดภัยของสถานศึกษา โรงเรียนทุกแห่งในประเทศไทยถือเป็น “พื้นที่ปลอดภัย” จากการบูลลี่และการทารุณกรรมเด็กโดยสําหรับนักเรียนแล้วโรงเรียนเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของพวกเขา ดังนั้น เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับเด็กและผู้ปกครองในระยะแรกจึงต้องมีการดําเนินมาตรการขั้นเด็ดขาดกับผู้กระทําความผิดต่อนักเรียนที่ถูกละเมิดสิทธิ เสรีภาพ ไม่ว่าด้านชีวิต ร่างกาย เพศ หรือจิตใจ 

อันจะนํามาสู่การดําเนินการในระยะต่อมา คือ การสร้างความเข้าใจร่วมกันของทุกฝ่ายในการวางตัวและการปฏิบัติต่อกันโดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักเรียนกับครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่จะมีตั้งแต่การลงรายละเอียดเป็นแนวปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมการผลิตและสนับสนุนสื่อทั้งภาครัฐเอกชน และประชาสังคมให้มีการเผยแพร่ข้อมูลอย่างเป็นวงกว้างไปจนถึงการส่งเสริมระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนทั้งที่จะพัฒนาใหม่และสานต่อโครงการเดิมที่มีอยู่แล้ว เช่น Youth Counsel or ของ สพฐ.ให้มีการทํางานเชิงรุกตามสถานศึกษาต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น

3.) ความรู้เรื่องดิจิทัลและทักษะที่จําเป็นในศตวรรษที่ 21 เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในปัจจุบันได้ก่อให้เกิดความนิยมในรูปแบบการเรียนการสอนออนไลน์มากยิ่งขึ้น ทางกระทรวงฯ จะเร่งดําเนินการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำของโอกาสในการศึกษาโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องความพร้อมของโครงข่ายสัญญาณอินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์ที่จําเป็น ให้มีความทั่วถึง รองรับการใช้งานของผู้เรียนทุกระดับ 

นอกจากนี้ การพัฒนาแหล่งข้อมูล แหล่งเรียนรู้ให้มีความหลากหลายก็เป็นสิ่งจําเป็น โดยจะประสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่มีศักยภาพในการรณรงค์เรื่องดังกล่าวเข้ามาทํางานร่วมกันพัฒนาแพลตฟอร์มการเรียนรู้ด้วยดิจิทัลแห่งชาติและระบบฐานข้อมูลกลางทางการศึกษา เพื่อเตรียมคนไทยให้มีทักษะที่จําเป็นในศตวรรษที่ 21 ซึ่งมุ่งเน้นความเป็นผู้ประกอบการ และความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่างๆ

4.) การขับเคลื่อนภาพลักษณ์ที่ดีของการอาชีวศึกษาปัจจุบันประเทศไทยกําลังประสบปัญหาการขาดแคลนช่างฝีมือ ซึ่งเป็นผลจากการดําเนินนโยบายด้านการศึกษาที่ไม่สอดรับกับการพัฒนาในศตวรรษที่ 21 ประกอบกับทัศนคติของผู้ปกครองและผู้เรียนไทยที่มองว่าระบบอาชีวศึกษาเป็นที่รองรับของผู้เรียนที่ไม่สามารถศึกษาต่อในสายสามัญได้ จึงต้องมีการขับเคลื่อนภาพลักษณ์ที่ดีของการอาชีวศึกษาในประเทศไทยให้ประชาชนมีความเข้าใจที่ถูกต้อง 

โดยระยะแรกจะมุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์สถาบันอาชีวศึกษาที่มีมาตรฐานชั้นนําในระดับประเทศให้เป็นที่รับรู้ในวงกว้าง เพื่อให้ผู้เรียน และผู้ปกครองเห็นถึงโอกาสในการยกระดับคุณภาพชีวิตและความก้าวหน้าทางวิชาชีพอันจะก่อให้เกิดความมั่นใจที่จะเลือกศึกษาต่อในสายอาชีวะมากยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการสนับสนุนผู้ประกอบการที่อํานวยความสะดวกในการจัดการเรียนการสอนอาชีวศึกษาผ่านมาตรการจูงใจต่าง ๆ ต่อไป

นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการยังได้นําเสนอรูปแบบการทํางาน “TRUST” ดังนี้ 

“TRUST” หมายถึงความไว้วางใจ รูปแบบการทํางานที่จะทําให้ครู บุคลากรทางการศึกษา ผู้ปกครอง ผู้เรียน และประชาชน กลับมาให้ความไว้วางใจในการทํางานของกระทรวงศึกษาธิการอีกครั้ง โดย T ย่อมาจาก Transparency (ความโปร่งใส) / R ย่อมาจาก Responsibility (ความรับผิดชอบ) / U ย่อมาจาก Unity (ความเป็นอันหนึ่งอันเดียว) / S ย่อมาจาก Student Centricity (ผู้เรียนเป็นเป้าหมายแห่งการพัฒนา) / T ย่อมาจาก Technology (เทคโนโลยี) 

รูปแบบการทํางาน TRUST คือการพัฒนาต่อยอดจากรูปแบบการทํางาน “MOE ONE TEAM” หรือ การทํางานร่วมกันเป็นหนึ่งเดียวของกระทรวงศึกษาธิการ ที่กระทรวงศึกษาธิการได้ดําเนินการมาโดยตลอด ซึ่ง “TRUST” จะเข้ามาเป็นส่วนเสริมในเรื่องความโปร่งใสทั้งในเชิงกระบวนการทํางานและกระบวนการตรวจสอบจากภาคส่วนต่าง ๆ การสนับสนุนให้ผู้ปฏิบัติงานทุกคนดําเนินการตามภารกิจของตนด้วยความรับผิดชอบต่อตัวเอง องค์กร ประชาชน และประเทศชาติ ให้ความสําคัญกับการประสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ผ่านกลไกการรับฟังความคิดเห็นมาประกอบการดําเนินงานต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการยกระดับคุณภาพการศึกษา 

ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการเป็นพื้นที่ของทุกคน มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวระหว่างครู บุคลากรทางการศึกษา ผู้ปกครอง ผู้เรียน และประชาชน ซึ่งมีเป้าหมายร่วมกัน คือ การมีผู้เรียนเป็นเป้าหมายแห่งการพัฒนาโดยการทําให้ผู้เรียนมีวิธีคิดและทักษะที่เป็นสากลสอดคล้องกับพลวัตในศตวรรษที่ 21 ควบคู่ไปกับสํานึกและความเข้าใจในความเป็นไทย ผ่านการมีความพร้อมด้านเทคโนโลยี ทั้งในเชิงโครงสร้าง คือ การเข้าถึงสิ่งจําเป็นและสิ่งอํานวยความสะดวกด้านการศึกษาอย่างทั่วถึง เพื่อลดความเหลื่อมล้ำของโอกาสในการศึกษา และในเชิงการเรียนรู้ คือแหล่งข้อมูล แหล่งเรียนรู้รูปแบบต่างๆที่ทันสมัย และจะช่วยให้ผู้เรียนทุกคนถึงพร้อมซึ่งคุณลักษณะอันพึงประสงค์ทุกประการ